ใกล้เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แล้วสำหรับหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ “TIDLOR” ผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร (รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุก รถไถ และรถแทรกเตอร์) สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันภัย ภายใต้ชื่อแบรนด์ “เงินติดล้อ” ที่ดำเนินธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า โดยเงินติดล้อมีช่องทางให้บริการแก่ลูกค้าที่หลากหลาย (Omni-Channel) ทั้งจากสาขา 1,076 แห่งครอบคลุมพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ และเสริมโดยเครือข่ายการส่งต่อลูกค้าผ่านตัวแทน เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทางโทรศัพท์ ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกมือสอง และสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา รวมทั้งยังมี Call center 24 ชม. และช่องทางออนไลน์ จนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทยในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และ เป็นหนึ่งในผู้นำสามรายแรกในประเทศไทยในธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยให้แก่รายย่อย ในปี 2562 หากจะประเมินจุดเด่นของ “เงินติดล้อ” ผ่านสายตาเซียนโบรกแล้วนักลงทุนนั้นจะมีด้านไหนบ้างที่น่าสนใจ ดังนี้
- เป็นผู้นำตลาดผู้ให้บริการทางการเงินที่เข้าถึงด้วยเทคโนโลยีและเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Mitsubishi USJ Financial Group ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
- เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 (เมื่อคำนวณจากยอดหนี้คงค้างในปี 2562) ในประเทศที่ในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ซึ่งปัจจุบันตลาดสินเชื่อดังกล่าวนี้มียอดสินเชื่อราว 3 แสนล้านบาท และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยคาดว่าตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 12% – 16% จากปี 2562 – 2567 และผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ที่สุดสามอันดับแรกจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 15% – 17% ในช่วงเวลาเดียวกัน
- ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย โดยมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ ในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยให้แก่รายย่อยในปี 2562 ภายใต้แนวคิดส่งเสริมให้ผู้คนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองจากผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น
- ผู้บริหารมืออาชีพและมีประสบการณ์เชี่ยวชาญมากว่า 30 ปี ในด้านการให้บริการทางการเงิน เทคโนโลยี รวมถึงการบริการความเสี่ยง จนสามารถควบคุม หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ให้อยู่ในระดับต่ำเพียง 7 % (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563)
- มีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลายแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ1) รายได้ดอกเบี้ยรับ คิดเป็นสัดส่วน 7% 2) รายได้ค่านายหน้าและค่าตอบแทนอื่นจากธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต 10.9% 3) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอื่น 6.1% และ4) รายได้อื่น ๆ 0.3%
- เป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่นบัตรกดเงินสดหมุนเวียนซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ผ่านตู้เอทีเอ็มคู่ค้าทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง การให้ลูกค้าสามารถแบ่งจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยด้วยเงินสดได้จริง ไม่มีดอกเบี้ย ระยะเวลาสูงสุด 6 งวด
- โมเดลธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญทางการให้บริการด้านการเงินเข้ากับเทคโนโลยี โดยเงินติดล้อเป็นผู้บุกเบิกและนำแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่น การสร้างแบบจำลองให้คะแนนระบบภูมิสารสนเทศ (Geographic Information System) เพื่อเลือกทำเลของสาขา การออกแบบระบบอนุมัติสินเชื่อจากข้อมูลคะแนนเครดิตของลูกค้าเพื่อช่วยพนักงานสาขาตัดสินใจได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเทคโนโลยี Insur-tech ที่เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อกับบริษัทประกันวินาศภัยคู่ค้าถึง 16 ภายใต้ชื่อ “อารีเกเตอร์” เพื่อให้นายหน้าอิสระสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
- มีแบรนด์ “เงินติดล้อ” ที่แข็งแกร่ง ที่เป็นที่รู้จักมี Brand Awareness 100% และเป็น Top of Mind Brand เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการายอื่นในธุรกิจเดียวกัน และการให้บริการที่จริงใจของพนักงานชาวเงินติดล้อที่มีแนวคิดที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นธรรมและโปร่งใส่ให้แก่ลูกค้า
- มีฐานะการเงินที่มั่นคง เนื่องจากอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น มีเสถียรภาพ และมีมาตรฐานสูง จาก NPL Coverage 325 % สูงกว่าคู่แข่ง (MTC 178 % และ SAWAD 89 %) มีอันดับเครดิตที่ A- สูงกว่าคู่แข่งเช่นกัน(MTC และ SAWADอยู่ที่ระดับ BBB+)
ซึ่งจากข้อมูลข้างต้นจึงไม่แปลกที่ “เงินติดล้อ” จะอยู่ในความสนใจทั้งนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพจากทั่วโลกสนใจจองหุ้นไอพีโอผ่านการจองซื้อ (Bookbuilding) กว่า 190 รายทั่วโลกมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์หุ้นไทย และได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนกรีนชูแก่นักลงทุนรายย่อย จนขยับสัดส่วนหุ้นจองเป็น 75 ล้านหุ้นจากเดิม 46.5 ล้านหุ้น ที่ราคาไอพีโอสูงสุดหุ้นละ 36.50 บาท ซึ่งน่าจับตามอง “เงินติดล้อ” ในวันเทรดที่จะมาสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งไม่ธรรมดาจริงๆ
www.mitihoon.com