มิติหุ้น-บล.เอเซีย พลัสระบุว่า การลงทุนหลังจากนี้ หุ้นส่งออกน่าจะเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะมีปัจจัยพื้นฐานประกอบ โดยคำแนะนำหุ้นที่ฝ่ายวิจัยทำการศึกษาแต่ละกลุ่ม อาทิ กลุ่มเกษตร-อาหาร ฝ่ายวิจัยคาดคาดแนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มเกษตร-อาหารปี 64 จะเติบโต 12.8% yoy จากธุรกิจสุกรต่อเนื่อง ชื่นชอบ CPF (FV@B42) และ TFG (FV@B6.20) ธุรกิจทูน่ายังดีต่อเนื่อง แนะนำซื้อหุ้น TU (FV@B20) จาก Valuation ที่น่าสนใจ มี PER เพียง 11 เท่า และปันผลกว่า 5% ธุรกิจยางพาราเติบโต แนะนำซื้อ NER (FV@B7.50) และ STA (FV@B60) สอดคล้องกับราคายางพาราโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
2. กลุ่มชิ้นส่วนฯ : แนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มชิ้นส่วนปี 64 จะเติบโต 22.2% yoy สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หนุนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น แต่ราคาหุ้นในกลุ่มสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว จนมี Valuation ที่แพง ไม่มีหุ้นที่แนะนำซื้อในกลุ่มฯ
3.กลุ่มยานยนต์ แนะนำลงทุน SAT(FV@B19.6) และ STANLY(FV@B220) มีจุดเด่นจากชิ้นส่วนไฟยังมีความจำเป็นในรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมเติบโตไปกับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ส่วน AH(FV@B20) ราคาเต็ม FV แต่แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัว จึงแนะนำเพียง Trading
และกลุ่มเหล็ก แนะนำลงทุน MCS (FV@ B21.9) ลักษณะธุรกิจคล้ายบริษัทรับเหมาโครงสร้างเหล็ก และส่งออกไปญี่ปุ่นไปต่างประเทศ 99%ของรายได้ ราคาหุ้น MCS ปัจจุบันมีค่า PER ต่ำเพียง 7 เท่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
www.mitihoon.com
