TIDLOR เทรดเหนือจอง พื้นฐานแกร่ง Upside แรง

885


มิติหุ้น-บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ได้ฤกษ์ส่งหุ้น
TIDLOR เข้าทำการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ ขึ้นแท่นเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุด 5 ลำดับแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย โดยมีมูลค่าเสนอขายรวม 38,089 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ประมาณ 84,643 ล้านบาท ตอกย้ำปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและหนึ่งในผู้นำธุรกิจนายหน้าประกันภัยสำหรับรายย่อยที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มุ่งเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี ผ่านช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย (Omni-Channel) พร้อมต่อยอดความสำเร็จหลังการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยกลยุทธ์ในการขยายสาขา และเพิ่มประสิทธิภาพของช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย รวมทั้งมุ่งเน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจ และสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พร้อมเริ่มทำการรักษาระดับราคาหุ้นในตลาดรอง (Stabilization Activity) เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วันหลังจากวันเข้าซื้อขายเป็นวันแรก

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “หุ้น “TIDLOR” เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ (10 พฤษภาคม 2564) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของเงินติดล้อ และเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราชาวเงินติดล้อทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จของการเสนอขายหุ้น IPO และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ โดยเงินติดล้อเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งดำเนินธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่อยู่ในตลาดที่มีการกระจายตัวสูง เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยการช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นธรรม
มีความน่าเชื่อถือ และโปร่งใส โดยเงินติดล้อมีการเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งเกิดจากการขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง แพลตฟอร์มที่มีช่องทางการให้บริการที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก รวมทั้งการนำเสนอนวัตกรรมทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

การเสนอขายหุ้น IPO ของเงินติดล้อในครั้งนี้นับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และยังนับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุด 5 ลำดับแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย โดยมีมูลค่าเสนอขายรวม 38,089 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) ณ ราคา IPO ที่ประมาณ 84,643 ล้านบาท พร้อมด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากทั้งนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลก และนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ให้ความสนใจลงทุนอย่างท่วมท้นและมีมูลค่าความต้องการลงทุนในหุ้น TIDLOR รวมกันสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคตของเงินติดล้อ

ช่องทางการจำหน่ายหลากหลาย

ทั้งนี้ เงินติดล้อดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างโปร่งใสและเท่าเทียม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมผ่านความจริงใจของพนักงานชาวเงินติดล้อ ผ่านการนำโมเดลธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการทางการเงินและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย (Omni-Channel) ทั้งสาขาที่มี 1,076 แห่งในพื้นที่กว่า 74 จังหวัด และเสริมโดยเครือข่ายการส่งต่อลูกค้าผ่าน สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา 638 สาขา ตัวแทน 5,132 ราย ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกมือสอง 491 ราย และตัวแทนขายผ่านโทรศัพท์ 519 คน รวมถึงช่องทางจำหน่ายออนไลน์ซึ่งรวมถึง การติดต่อผ่านเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น เงินติดล้อ เฟซบุ๊ก และ TIDLOR Connect  เพื่อลดช่องว่างและสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านการเงินให้กับประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศไทย

ผลงานเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2561 – 2563 เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 7,569.4 ล้านบาท 9,457.9 ล้านบาท และ 10,558.9 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 1,306.2 ล้านบาท 2.201.7 ล้านบาท และ 2,416.1 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2561 – 2563 อยู่ที่ 39,724.1 ล้านบาท 47,979.4 ล้านบาท และ 51,331.2 ล้านบาท ตามลำดับ และเบี้ยประกันวินาศภัยจัดเก็บได้ ณ สิ้นปี 2561 2562 และ 2563 อยู่ที่ 1,917.7 ล้านบาท 2,854.3 ล้านบาท และ 4,010.9 ล้านบาท ตามลำดับ โดย ณ สิ้นปี 2563 เงินติดล้อมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพียง 1.7% ต่อสินเชื่อรวม เนื่องจากมีการกระบวนการพิจารณาสินเชื่ออย่างรอบคอบและรัดกุม และมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 325.1%

ผู้นำธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน

โดยภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เงินติดล้อมีเป้าหมายในการมุ่งรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจนายหน้าประกันภัยในอนาคต โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการขยายธุรกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนปรับปรุงสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่อีกประมาณ 500 สาขาภายในปี 2566 ให้ครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มยิ่งขึ้นและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม นำเงินไปลงทุนพัฒนาระบบไอทีและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และปรับโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต

“การระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะช่วยให้เงินติดล้อสามารถสร้างศักยภาพในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน สร้างความต่อเนื่องในการลงทุนเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (digital transformation) และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แพลตฟอร์มของเรา โดยหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เงินติดล้อมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพ ภายใต้แนวคิดในการสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรมและโปร่งใสให้แก่ประชาชนในสังคม พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มั่นคงและยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกผ่ายต่อไปครับ” นายปิยะศักดิ์ กล่าว

โบรกส่องหุ้น TIDLOR

ขณะที่ TIDLOR เปิดเทรดวันแรกมีราคาเหนือจองที่ 53.50 บ./หุ้น เพิ่มขึ้น 48.61% จากราคาไอพีโอ ที่ 36 บ./หุ้น

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า TIDLOR วางเป้าหมายขยายสินเชื่อปีละ 15-20% และขยายยอดพรีเมียมประกันภัยปีละ 40% ใน 3 ปีข้างหน้า จึงประมาณการว่ารายได้ดอกเบี้ยรับเติบโตเฉลี่ย +19% ต่อปี, รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตเฉลี่ย +28% ต่อปีและค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ลดลง ยังผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย +29% ต่อปีในช่วงปี 64F-66F

จึงประเมินสำหรับปี 64F คาดการณ์กำไรสุทธิขยายตัว +32%YoY หนุนโดยรายได้ขยายตัว, ต้นทุนการเงินที่อยู่ในระดับต่ำแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นก็ตาม และสัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ (C/I ratio) ลดลง แต่ EPS growth ปี 64F จะอยู่ที่ +22YoY เพราะมี Dilution effect จากการเพิ่มทุน IPO จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 56 บาท อิงกับ P/BV ปี 64F ที่ 5.0 เท่า

www.mitihoon.com