บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดขายกองทุนหุ้นทั่วโลก “SCBGEX” IPO 10 – 17 พ.ค. นี้

353

มิติหุ้น – นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว จากการลงทุนในกองทุนหุ้นคุณภาพดีทั่วโลก พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลกที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น บริษัทฯ จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Experts (SCB Global Experts Fund : SCBGEX) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท กองทุนบริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนระดับโลกกับ บริษัท หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำทั่วโลก โดยเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 10 – 17  พฤษภาคม 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท พร้อมเปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนผ่านบัตรเครดิต SCB ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา และ SCB EASY App เป็นทางเลือกเพิ่มเติม

กองทุน SCBGEX เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่ลงทุนในตราสารทุน เช่น หน่วย CIS หน่วย ETF เป็นต้น ส่งผลให้มี net exposure ในตราสารทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมี net exposure ในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีลักษณะดังกล่าวเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ บริษัท หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด เป็นผู้รับมอบหมายงานด้านการจัดการลงทุนของกองทุน (Outsourced fund manager) กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสาหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน SCBGEX เป็นการผสานการลงทุนในกองทุนหลัก (Core Fund) และกองทุนเสริม (Satellites Funds) โดยกองทุนหลักจะลงทุนผ่านกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity Fund เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีทั่วโลกที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มีอัตรากำไรสูงและมีสถานะทางการเงินดีเยี่ยม พร้อมทั้งมีกระบวนการลงทุนที่มีวินัย และมีมุมมองการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นกับกองทุนเสริมในการลงทุนในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก เช่น Digital Health, Future Mobility และ Arising Asia เป็นต้น กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก โดยกระจายการลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วโลกที่มีผลงานโดดเด่น ด้วยการแสวงหาธีมหรือเทรนด์การลงทุนที่น่าสนใจพร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 22.3% เทียบกับดัชนีอ้างอิง MSCI World TR Net Dividends อยู่ที่ 15.9% (ที่มา: Fund Factsheet ของกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity Fund ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564)

นอกจากนี้ กองทุน SCBGEX ได้บริหารจัดการการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างประเทศโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด ทำให้กองทุนได้มีโอกาสเข้าถึงความเป็นเลิศในการบริหารเงินลงทุนของจูเลียส แบร์ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการความมั่งคั่ง และการลงทุนระดับพรีเมียมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ Aa3 (Moody’s rating) ทั้งยังเป็น 1 ใน Top 5 ของผู้ให้บริการด้าน Wealth Management ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งกองทุน SCBGEX ยังได้มีการลงทุนในกองทุนที่บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนระดับ Private Wealth ที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดสรรกองทุนชั้นนำอีกด้วย  

“จากข้อมูลสถิติย้อนหลังพบว่ากลยุทธ์การลงทุนในหุ้นคุณภาพดีนั้น สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี ทั้งในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น และยังสามารถช่วยลดผลขาดทุนในช่วงที่ตลาดมีการปรับตัวลดลง และฟื้นตัวได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่า อย่างเช่นในช่วงวิกฤติ Covid-19 ที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและมีสัดส่วนหนี้น้อย ส่วนใหญ่มักจะได้รับผลกระทบน้อยและมักจะอยู่รอดได้ในทุกช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับบริษัทขนาดเล็กหรือมีหนี้สินในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก ในช่วงเวลาที่มีการล็อคดาวน์ประเทศ บริษัทเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจนขาดสภาพคล่องได้และส่งผลทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงได้อย่างมาก เป็นต้น ดังนั้น การลงทุนในหุ้นคุณภาพดีจึงเหมาะสำหรับเป็นการลงทุนแบบ Core Investment ที่ช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนและยังสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอได้ในระยะยาว นอกจากนี้ กองทุนนี้นับว่าเป็นกองทุนที่ได้เข้าถึงการลงทุนระดับ World Class โดยได้ทีมผู้เชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนระดับโลกอย่างจูเลียส แบร์ เป็นผู้บริหารกองทุนด้วยการคัดสรรหุ้นคุณภาพทั่วโลกที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งเสริมโอกาสทำกำไรอีกขั้นจากการลงทุนในธีมแห่งอนาคตตามแนวโน้มเมกะเทรนด์ของโลก ดังนั้น กองทุนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่น่าสนใจสำหรับเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

www.mitihoon.com