“PACO” หรือ บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 เติบโตประทับใจ มีรายได้รวม 182 ล้านบาท กำไรสุทธิเติบโต 206% เป็น 29 ล้านบาท ผู้บริหารฟันธง ตลาดรถยนต์โลกฟื้นตัวดีหนุนรายได้เติบโต พร้อมเปิดแผนธุรกิจเชิงรุก
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (“PACO”) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาส1/2564 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 % จากรายได้รวม 141.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 มีกำไรขั้นต้น 48.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206% จากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 9.37 ล้านบาทในไตรมาส 4/2563 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 28.6 ล้านบาท ซึ่งรายได้รวมของ PACO เติบโตดีขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่ที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง ตามสภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวและกลับสู่การเติบโตอีกครั้ง
PACO มีอัตรากำไรสุทธิ ( Net Margin) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปีนี้ เรามีอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็น 15.4% สูงกว่าอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยของผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ OEM ที่ประมาณ 5-10% เนื่องจาก PACO เน้นตลาดอะไหล่ทดแทน ( Aftermarket Parts) จึงสามารถกำหนดราคาขายสินค้าได้เอง และมีการแข่งขันด้านราคาที่น้อยกว่า โดยอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 12% ในปีก่อน”
นายสมชายกล่าวเสริมว่า “สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ PACO มุ่งมั่นที่จะขยายทั้งตลาดส่งออก และตลาดในประเทศซึ่งจะใช้กลยุทธ์การสร้างเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub (พาโก้ ออโต้ ฮับ) เพื่อสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ แบรนด์ของคนไทย โดยเราตั้งเป้าหมาย จะมีร้าน PACO Auto Hub จำนวน 300 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันได้เปิดไปแล้วกว่า 150 สาขา ทั่วประเทศ โดยภายในร้านจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็นแบรนด์ PACO เป็นหลัก และมีสินค้าอื่นๆ อาทิเช่น ท่อน้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์ เพื่อเป็นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรในที่เดียว (One-Stop Solution)
นอกจากนี้ PACO เตรียมขยายตลาดส่งออก ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งนำโดย สหรัฐอเมริกา และ จีน จากความสามารถในการควบคุมโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา อีกทั้ง ปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ได้คลี่คลายลงอย่างมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถส่งออกเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ PACO คาดว่าจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในครึ่งปีหลังอีกด้วย โดยบริษัทฯมุ่งเน้น ตลาดตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และอาเซียน โดยในครึ่งปีหลัง PACO เตรียมจะจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เพื่อเจาะตลาด และเพิ่มยอดขายในมาเลเซียอย่างมีประสิทธิภาพ ”
บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1 ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ทั้ง คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น สำหรับรถที่มียอดจำหน่ายปานกลางถึงสูง ทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน รวมมากถึง 2,600 รุ่น โดยบริษัทฯ มี โรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ในเขต บางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และได้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศ และ ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย”