NER อัพเป้าขายยาง4.4แสนตัน กำลังผลิต-ดีมานด์ลูกค้าพุ่ง (12/05/64)

296

มิติหุ้น -NER  ปรับเป้าปริมาณขายยางเพิ่มเป็น 4.4 แสนตัน จากเดิม 4.1 แสนตัน จากความสามารถในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่วนช่วงปลายปีลุยแผนขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิตอีก 5 หมื่นตัน เป็น 5.1 แสนตัน พร้อมลงทุน 50 ล้าน ซื้อเครื่องจักร ล่าสุดอวดกำไร Q1/64 พุ่ง 511%     

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ โดย “นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึง เป้าหมายการเติบโตในอีก 9 เดือนว่า บริษัทมีการปรับเป้าหมายปริมาณการขายยางพาราใหม่ เป็น 440,000 ตัน จากเดิมที่ 410,000 ตัน เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น ที่สามารถรองรับยอดขาย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าจากสิงคโปร์และอินเดีย

ตลาดรถEVหนุนยอดใช้ยางเพิ่ม

นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 65 จากการที่ทั่วโลกสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียรถยนต์สู่อากาศนั้น ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น

ซื้อเครื่องจักรกำไรQ1พุ่ง511%

อย่างไรก็ดีในปลายปี 64 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน จาก 460,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการออเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
ส่วน “โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจากก๊าซชีวภาพ” นั้น เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 บริษัทได้เข้าร่วมยื่นเสนอประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ที่ขนาดโครงการ 3 MW  ภายใต้ บริษัทย่อย เอ็น. อี. พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดย NER  โดยบริษัทมั่นใจได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านสำหรับโครงการดังกล่าว
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/64  บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 366.50 ล้านบาท เติบโต 511.96%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.227 บาทต่อหุ้น โดยปัจจัยสำคัญมาจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในส่วนโรงงานยางแท่งแห่งที่ 2 และราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่สูงขึ้นตามราคาตลาดโลก