มิติหุ้น – นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น หรือ SAMART เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 64 กลุ่มบริษัทสามารถมีรายได้รวม 1,845 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวของปีก่อนมีรายได้และกำไรที่ลดลงเนื่องจากในไตรมาสแรกปี 63 บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 4/63 บริษัทมีผลประกอบการรวมที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในทิศทางบวก ทั้งในส่วนของธุรกิจ ICT Solutions และธุรกิจ Samart Digital โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ของทั้งสองสายธุรกิจ
โอกาสทางธุรกิจของกลุ่มสามารถ
จากการศึกษาถึงความจำเป็นและความต้องการของหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาคุณภาพบริการประชาชน ตลอดจนข้อจำกัดในการลงทุนของแต่ละหน่วยงาน จึงเป็นที่มาของการนำเสนอรูปแบบความร่วมมือทางธุรกิจ B2G2C โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและติดตั้งระบบให้ก่อน จากนั้นค่อยทยอยรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งค่าบริการที่เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้ได้นำไปใช้แล้วในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสินค้าเบียร์ที่ผลิตในประเทศของกรมสรรพสามิต หรือ Direct Coding ที่บริษัทได้เซ็นสัญญาไปเมื่อปีที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท เป็นระยะสัญญา 7 ปี โดยจะเริ่มใช้งานในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านบาท โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป นอกจากนี้ เทคโนโลยี Direct Coding ที่ใช้ในโครงการนี้ ยังสามารถต่อยอดไปใช้กับการเก็บภาษีสินค้าประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสุรา น้ำผลไม้ จนถึงน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
ผลการดำเนินงานและโอกาสของแต่ละสายธุรกิจ
ธุรกิจ ICT Solution เซ็นสัญญาโครงการใหม่เฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้รวมมูลค่า 1,331 ล้านบาท อาทิ โครงการติดตั้งอุปกรณ์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมูลค่า 380 ล้านบาท และสัญญาซื้อขายชุดเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ในระบบ Cyber Intelligence มูลค่า 189 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันมีมูลค่าโครงการในมือรวม 6,872 ล้านบาท โดยตั้งเป้าทั้งปีในการเซ็นสัญญาโครงการใหม่อีกราว 8 พันล้านบาท ซึ่งหนึ่งในโครงการเป้าหมายหลัก คือ โครงการระบบ AMI (Advance Metering Infrastructure) หรือ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการวัดค่าพลังงานไฟฟ้าขั้นสูง ซึ่งจะช่วยบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจ Samart Digital นอกจากธุรกิจการให้บริการดิจิทัลทรังก์เรดิโอ (Digital Trunked Radio System) ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายฐานลูกค้าในครอบคลุมมากขึ้น ผ่านความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐหลายแห่ง ล่าสุด บริษัทยังได้เปิดตัวบริการใหม่ ด้าน Mobile Security Application ในนาม “ปกป้อง” ทั้งนี้ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคดิจิตอล อีกทั้ง ยังเตรียมการเปิดตัว HoroWorld บริการโหราพยากรณ์ครบวงจรออนไลน์เต็มรูปแบบผ่าน Mobile Application ในเร็วๆนี้
สำหรับธุรกิจที่ต้องรอให้การเดินทางและการท่องเที่ยวฟื้นตัว คือ สายธุรกิจ Samart U–Trans โดยบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด หรือ (CATS) ที่ทำธุรกิจด้านการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินลดลง ทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายและการเดินทางท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง กลุ่มธุรกิจนี้จะกลับมาสร้างรายได้หลักให้แก่กลุ่มสามารถอย่างแน่นอน ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นในประเทศกัมพูชาเองก็มีการเตรียมพร้อมด้านการท่องเที่ยว โดยมีการปรับปรุงสนามบินเก่าและสร้างสนามบินใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ Darasakor , New Siem Reap และ New Phompenh Airport ซึ่งจะมีสนามบินที่ทันสมัยติด 1 ใน 10 ของโลกด้วย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี ที่สำคัญ คือ CATS จะเป็นผู้ให้บริการระบบวิทยุการบินในทุกสนามบินอีกด้วย
นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “บริษัทใช้เวลาหลายปีในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยเน้นที่การพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจหลังโควิด ซึ่งผมเชื่อว่าหลังวิกฤตครั้งนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง”
www.mitihoon.com