J อวดกำไรQ1/64 ทะยาน26.5%-เปิดคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่

558

 มิติหุ้น-“เจเอเอส แอสเซ็ท” หรือ J โชว์กำไรกระฉูด 26.5% อยู่ที่ 21.0 ล้านบาท ส่วนรายได้ทำไว้ที่ 125.1 ล้านบาท แม้สถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ แต่สามารถบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างดีเยี่ยม  มอง ธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนจะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เตรียมเปิดให้บริการแห่งที่ 5 “JAS GREEN VILLAGE คู้บอน” ในไตรมาส 4 ปีนี้ตามแผน รวมทั้ง ต่อยอดธุรกิจร่วมกับกลุ่มเจมาร์ท ทั้งกิจกรรมด้านการตลาด และพัฒนาสินทรัพย์รอการขาย หนุนโอกาสโต

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพื้นที่เช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นนักพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าแบบชุมชน เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจํา ไตรมาส  1/2564  สุดแข็งแกร่ง แม้เผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่บริษัทฯ ยังคงมีผลกําไรสุทธิ 21.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 26.5 % สาเหตุสำคัญมาจากการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ตามเป้าหมาย การบริหารจัดการต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัทฯ ได้ดี

ขณะที่ มีรายได้รวมอยู่ที่ 125.1 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 24.2% จากการบริหารพื้นที่เช่าให้ ในสาขาของ IT Junction โดยเน้นไปที่สาขาที่มีผลกำไร และการขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส ที่ 1/2563 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้แบรนด์ “The JAS” มีจำนวน 4 โครงการ และส่วนใหญ่โครงการของบริษัทเป็นลักษณะแบบเปิด รูปแบบ Open-Air Lifestyle Mall ยังสามารถตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ในการเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าใกล้บ้าน และมีความปลอดภัย ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) อยู่ในระดับสูงกว่า 90%  และเตรียมเปิดให้บริการศูนย์การค้าชุมชน “JAS GREEN VILLAGE – KUBON” บนถนนคู้บอน ย่านรามอินทรา เป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งที่ 5 ของบริษัทฯ ตามแผนที่วางไว้ในไตรมาส 4 ปีนี้ สนับสนุนการรับรายได้เข้ามาเพิ่มเติมในอนาคต

นอกจากนี้ โครงการในมือของบริษัทฯ เดินหน้าจัดกิจกรรมด้านการตลาดร่วมกับบริษัทในเครือเจมาร์ท อีกทั้ง บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสในการเติบโตผ่านช่องทางอื่นๆ โดยล่าสุดจับมือกับ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ใช้ความเชี่ยวชาญในการ ออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนา สินทรัพย์รอการขายของ JMT ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น สนับสนุนความต้องการของผู้บริโภค และคาดเห็นความคืบหน้ากิจกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในปีนี้อีก เพื่อสนับสนุนโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคง ในระยะยาว

“ภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงต้นปี 2564 ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญในการจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าที่มีความปลอดภัย และใกล้บ้านมากขึ้น อีกทั้ง กำลังซื้อจากผู้บริโภคที่ลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เราก็มุ่งเน้นการให้บริการ และการบริหารพื้นที่เช่าอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมจุดแข็งจากกลุ่มเจมาร์ท ทำให้ธุรกิจยังคงความสามารถในการทำกำไรได้อย่างน่าประทับใจ” นายสุพจน์ กล่าวทิ้งท้าย

www.mitihoon.com