TK เผยQ1/64รายได้รวม 538.7 ล. กำไรสุทธิ 97.5 ล. –ตั้งบ.ย่อยนายหน้าประกันวินาศภัย เผยพร้อมตั้งรับและรุกบุกตลาด ตามสถานการณ์

87

 

มิติหุ้น-บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิ 97.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% มีรายได้รวม 538.7 ล้านบาท ลดลง 27.3% จาก 740.9 ล้านบาท มีลูกหนี้เช่าซื้อรวม 4,249.4 ล้านบาท ลดลง 7.4% จาก 4,591.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 และมีลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 3,775.4 ล้านบาท ลดลง 6.9% เนื่องจากนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ

ด้านกลยุทธ์ธุรกิจ TK ยังคงมุ่งสร้างรายได้จากการดำเนินธุรกิจในประเทศ ล่าสุดนำร่องนำเสนอประกัน “โควิด-19 ซูเปอร์ ชีลด์” ให้กับลูกค้า ซึ่งได้รับการตอบรับในระดับที่น่าพอใจ เดินหน้าเตรียมตั้งบริษัทนายหน้าประกันภัยนิติบุคคล และพร้อมขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศทันทีที่สถานการณ์เอื้ออำนวย เผยการซื้อกิจการ MFIL ในเมียนมายังเดินหน้าโดยพร้อมกลับมาเร่งขยายตัวหากสถานการณ์ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น คาดสิ้นปี 2564 สัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของ TK จะเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้งหากเริ่มมีการกระจายและฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่จะช่วยให้สถานการณ์การระบาดลดลง ทำให้ประชาชนได้ดำเนินชีวิตตามปกติในเวลาอันใกล้นี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งตั้งรับกรณีสถานการณ์ดังกล่าวยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องและบุกรุกตลาดเมื่อโอกาสเอื้ออำนวยทันที

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า    ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุดไตรมาส 1/64 โดยรายได้รวมเท่ากับ 538.7 ล้านบาท ลดลง 27.3% จาก 740.9 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 97.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จาก 94 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้อื่น ๆ มีจำนวน 151.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เป็นผลมาจากการบริหารจัดการ ตั้งหน่วยงานเพื่อติดตามหนี้ค้างชำระ ติดตามลูกหนี้ให้ชำระค่างวดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ TK ยังคงมีเป้าหมายในการสร้างรายได้จากการดำเนินธุรกิจในประเทศ และการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ

“นอกจากการเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อแล้ว TK ยังได้จัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าในระดับที่น่าพอใจ รวมทั้งยังมีกลยุทธ์ด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ เพื่อดำเนินธุรกิจการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคล ตามกลยุทธ์ด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ดังกล่าว ทั้งนี้ คาดจะจัดตั้งบริษัทใหม่ดังกล่าวแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ของปี 2564 นี้ โดยเราได้นำร่องนำเสนอประกัน “โควิด-19 ซูเปอร์ ชีลด์” ให้กับลูกค้า ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าเดิมของ TK และลูกค้าใหม่ ด้านการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ เราได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านทันทีที่สถานการณ์ต่าง ๆ ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น ทั้ง ดีลการซื้อกิจการ MFIL ในเมียนมา รวมทั้งการขยายสาขาเพิ่มในกัมพูชา และ สปป.ลาว” นางสาวปฐมากล่าว

 

ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาวะตลาดรวมในประเทศ ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ไตรมาส 1/64 จำนวน 436,215 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% จาก 431,004 คัน และยอดจำหน่ายรถยนต์ ไตรมาส 1/64 จำนวน 194,137 คัน ลดลง 3.0% จาก 200,064 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ  ส่งผลต่อจำนวนลูกหนี้ โดยมีลูกหนี้เช่าซื้อรวม 4,249.4 ล้านบาท ลดลง 7.4% จาก 4,591.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 และมีลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 3,775.4 ล้านบาท ลดลง 6.9% ทั้งนี้ เป็นลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศมีจำนวน 1,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% จาก 1,062 ล้านบาท ซึ่งลูกหนี้เช่าซื้อเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากที่หดตัวเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของ COVID-19

ในไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 แต่ทางบริษัทฯ ไม่ได้ใช้สิทธิ์ผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ตามมาตรการผ่อนปรนชั่วคราวของสภาวิชาชีพบัญชีของประเทศไทย ทำให้สำรองลูกหนี้ ณ ไตรมาส 1/64 มีจำนวน 530.8 ล้านบาท ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน 8.5% Coverage Ratio = 130.4% ซึ่งเปรียบเทียบกับ ณ สิ้นปี 2563 ที่มีสำรองลูกหนี้ จำนวน 561.7ล้านบาท ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน 9.2% Coverage Ratio = 118.3% ณ ไตรมาส 1/64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 6,796.3 ล้านบาท ลดลง 7.6% จาก 7,356.8 7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 และมีหนี้สินรวม 1,318.6 ล้านบาท ลดลง 34.1% จาก 2,000.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.24 เท่า ลดลงจาก 0.37 เท่า เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 อีกทั้งยังมีเงินสดอีก 1,607 ล้านบาท พร้อมในการขยายธุรกิจ

“จากแผนงานการเริ่มกระจายและฉีดวัคซันป้องกันไวรัสโควิด-19 ในประเทศของภาครัฐ เราเชื่อมั่นว่ากลไกดังกล่าวจะส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดลดลงจนทำให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงปกติในอนาคตอันใกล้นี้ โดยคาดว่า สิ้นปี 2564 สัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของ TK จะเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม TK ได้เตรียมแผนธุรกิจสำหรับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ยังคงยืดเยื้อ หรือสถานการณ์ที่พลิกกลับมาดีแบบเร็วกว่าที่คาดการณ์ ด้วยแผนรุกและแผนตั้งรับ ด้วยโครงการให้ความช่วยเหลือลูกค้าในหลายรูปแบบเมื่อถึงเวลา หรือแผนด้านการเงินเพื่อความพร้อมทางทุนและบุคลากรในการขยายบริการธุรกิจเช่าซื้อ รวมทั้งธุรกิจใหม่อย่างธุรกิจนายหน้าประกันภัย หรือธุรกิจใหม่อื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ” นายประพลกล่าว

www.mitihoon.com