มิติหุ้น – COM7 แกร่งสุดๆ ! ประกาศงบ Q1/64 กำไรทะลุ 565 ลบ. เพิ่มขึ้นเกือบ 97% รายได้รวม 11,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 46% สะท้อนสินค้าเทคโนโลยีเป็นเทรนด์การเติบโตของโลกแม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับการนําสินค้าใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต รวมทั้ง การเพิ่มช่องทางจำหน่าย Xiaomi ที่ไม่ใช่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน ผ่าน True Shop เติบเต็มพอร์ตสินค้า IoT และไลฟ์สไตล์ ขณะที่ ช่องทางการจำหน่ายยังแข็งแกร่ง ปัจจุบันมี 920 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งมีการเติบโตของ SSSG ในระดับมากกว่า 10% และปัจจุบันเปิดร้าน Stand Alone เรียบร้อยแล้ว 11 สาขา ควบคู่การปรับกลยุทธ์สู่การตลาดแบบ Omni Channel อย่างไรก็ดี COM7 ไม่ได้มองสาขาเพื่อธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต่อยอดธุรกิจและบริการใหม่ๆ หนุนการเติบโต COM7 ให้แข็งแรง โดยปรับเป้ารายได้ปีนี้คาดเติบโต 20%
บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดประจำไตรมาส 1/2564 มีรายได้รวม 11,989.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8,195.6 ล้านบาท กําไรขั้นต้น 1,558.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,123 ล้านบาท กําไรส่วนของบริษัทใหญ่ เท่ากับ 565.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 287.9 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตอย่างน่าประทับใจ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิต-19 แต่ COM7 ยังสามารถปรับตัวได้ดี และมียอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เติบโต เนื่องจากสินค้าไอทีกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต การทำงาน การเรียนการสอน และไลฟ์สไตล์ โดยสินค้าที่ได้รับการตอบรับในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการ Work from Home, Learn from Home และ Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิทัล) ควบคู่การบริหารจัดการสินค้าให้เพียงพอ และนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต ผลักดันการเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
และอีกไฮไลท์สำคัญในไตรมาส 1/2564 COM7 ได้มีข้อตกลงการฝากขาย (Consignment) สินค้าทุกประเภทในแบรนด์ Xiaomi ที่ไม่ใช่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน ผ่านทุกช่องทางหน้าร้านของ True Shop ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายที่เพิ่มขึ้น เติมเต็มพอร์ตสินค้าด้าน IoT และนวัตกรรม รวมทั้ง ผลตอบรับจาก iPhone12 ที่ยังคงความร้อนแรงต่อเนื่อง จากการเปิดตัวในช่วงปลายปี 2563 ที่ล่าช้ากว่าในรุ่นก่อน แต่สินค้าได้ผลตอบรับที่ดีมาก
ทางด้านช่องทางการจำหน่ายยังคงแข็งแกร่ง จากตัวเลขการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growth : SSSG) ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ในไตรมาส 1 ปีนี้ ส่งผลกระทบต่อ COM7 น้อยมาก เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ปีที่แล้ว อีกทั้ง COM7 มีร้านสาขาที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล คิดเป็น 25% ส่วนที่เหลือจะเป็นร้านสาขาที่อยู่ต่างจังหวัด คิดเป็น 75% จึงยังคงมั่นใจ แผนเดินหน้าขยายสาขาในปีนี้ให้ทะลุ 1,000 สาขา จะยังคงเป็นไปตามที่วางไว้ โดยเน้นขยายสาขาในทําเลที่ดีและค่าเช่าเหมาะสม ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในอําเภอหลักและอําเภอรอง สนับสนุนโอกาสการเติบโตจากสินค้าเทคโนโลยี รวมทั้งการต่อยอดสินค้าและบริการอื่นๆ จากความได้เปรียบในการเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ
อีกทั้ง ให้ความสำคัญในการขยายช่องทางออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ที่เติบโตขึ้น และช่องทางการขายของบริษัทฯ ผ่านเว็บไซต์ www.bnn.in.th ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งาน รองรับการเติบโตในอนาคต และเชื่อมโยงการทำตลาดแบบ Omni Channel
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท รวมทั้งหมด 920 สาขา แบ่งเป็น BaNANA 318 สาขา Studio7 107 สาขา KingKong Phone 92 สาขา True Shop by Com7 122 สาขา แฟรนไชส์ 108 สาขา BKK 50 สาขา iCare 28 สาขา และอื่นๆ 95 สาขา โดยมีการขยายเพิ่มจากไตรมาส 1 ปีที่แล้วรวม 132 สาขา (ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 : 788 สาขา) และณ สิ้นปี 2563 มีจำนวน 911 สาขา
ด้าน นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “COM7 เราอยู่ในธุรกิจที่เป็นเทรนด์การเติบโตของโลก และช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง เรามีสาขาในวันนี้แล้ว 920 สาขา และตั้งเป้าสิ้นปีจะมี 1,000 สาขา โดยแผนการขยายสาขาของบริษัทฯ ได้แก่ Studio7 (Apple) เราจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของห้างฯ รวมถึง U-Store ที่ปีนี้บริษัทจะมีการขยายสาขาตามมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นด้วย สำหรับ BaNANA บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังอําเภอรองเพิ่มมากขึ้น ทั้งรูปแบบร้านแฟรนไชส์ ซึ่งปัจจุบันมีจํานวน 108 สาขา และรูปแบบร้าน Stand Alone ที่ปัจจุบันมีจํานวน 11 สาขาเรียบร้อยแล้ว และยังมีแผนที่จะขยายต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ขณะที่ Xiaomi Shop แบรนด์ช้อปน้องใหม่สุดของเราที่มีการเติบโตดีมาก ซึ่งปัจจุบันมีจํานวน 17 สาขา และตั้งเป้าสิ้นปีจะมีจํานวนประมาณ 25 สาขา
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ชั้นนำในตลาดได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา อาทิ Apple ได้มีการเปิดตัว iPad Pro 2021, iMac , iPhone 12 สีใหม่, AirPods 3, AirTags รวมทั้ง อุปกรณ์ VR และ AR เป็นต้น คาดจะสนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 2/2564 กระตุ้นกำลังซื้อสาวกเทคโนโลยีให้คึกคักมากขึ้น โดยบริษัทฯ ยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 คาดจะเติบโตมากกว่า 20% ให้สอดคล้องกับผลการดำเนิงานไตรมาส 1/2564 ที่เติบโตขึ้น และปัจจุบันยังอยู่ระหว่างผสานความร่วมมือระหว่าง COM7 และ NCAP คาดจะเห็นความชัดเจนปีนี้ รวมทั้ง ไม่ปิดโอกาสการพูดคุยกับพันธมิตรรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง”
www.mitihoon.com