ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์การแยกตำแหน่ง “ประธานกรรมการ – ผู้บริหารสูงสุด” เพิ่มความยืดหยุ่นให้บริษัทจดทะเบียนที่ขายหุ้นเพิ่มทุน

38

มิติหุ้น – ก.ล.ต. เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการออกหุ้นเพิ่มทุน โดยผ่อนปรนหลักเกณฑ์การแยกผู้ดำรงตำแหน่ง “ประธานกรรมการ” และ “ผู้บริหารสูงสุด” ให้เป็นคนเดียวกันได้ไปจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งหรือครบวาระ สำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2564 

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกหลักเกณฑ์ให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) หรือ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชน (Secondary Public Offering: SPO) ต้องแยกบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง “ประธานกรรมการ” และ “ผู้บริหารสูงสุด” ออกจากกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน (corporate governance) โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 นั้น

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นแก่บริษัทจดทะเบียน และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก.ล.ต. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียน (SPO) โดยผ่อนปรนให้ผู้ดำรงทั้งสองตำแหน่งดังกล่าวเป็นบุคคลเดียวกันได้ สำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2564 ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุด หรือเมื่อครบวาระดำรงตำแหน่ง แล้วแต่กรณีใดจะถึงก่อน ทั้งนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2564

นอกจากนี้ ในกรณีที่พ้นระยะเวลาผ่อนปรน แต่บริษัทยื่นคำขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนยังไม่สามารถแยกผู้ดำรงทั้งสองตำแหน่งให้เป็นคนละคนกันได้ บริษัทจะต้องเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม 2 หัวข้อ ได้แก่ มาตรการหรือกลไกในการถ่วงดุลอำนาจระหว่างคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ และแผนดำเนินการที่จะแยกบุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการออกจากผู้บริหารสูงสุดของบริษัท

“ก.ล.ต. สนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนจัดโครงสร้างการบริหารจัดการของบริษัท ให้มีกลไกหรือมาตรการการถ่วงดุลอำนาจระหว่างคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ตามหลักปฏิบัติด้าน corporate governance ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยให้มากขึ้น” เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว

www.mitihoon.com