บมจ. เอ็น.ดี.รับเบอร์ หรือ NDR โชว์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 กวาดรายได้รวมอยู่ที่ 200.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.74% ขณะที่ฟันกำไรสุทธิ 10.91 ล้านบาท พุ่งแรง 501.10% เนื่องจากเพิ่มช่องทางการขาย แถมตลาดส่งออกที่ลาวและกัมพูชาเติบโต ด้านเอ็มดี “ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา” คาดแนวโน้มไตรมาส 2/64 ดีต่อเนื่อง หลังเดินหน้าบุกตลาดในประเทศและต่างประเทศเต็มสูบ พร้อมมั่นใจรายได้ปีนี้โต 15-20% ตามเป้าหมาย
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564) ของบริษัทฯเติบโตกว่าไตรมาส 1/2563 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 200.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 17.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 170.63 ล้านบาท และพลิกมามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.63 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 501.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2.72 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯได้เพิ่มช่องทางการขายใหม่ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีก่อน รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากตลาดต่างประเทศที่ยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในประเทศลาวและประเทศกัมพูชา
“ต้นทุนขายในไตรมาส 1/2564 ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด แต่ยังคงตํ่ากว่าต้นทุนในไตรมาส 1/2563 ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสมดุลระหว่างราคาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯสามารถทำกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2564 คาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแผนกลยุทธ์ขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทฯมีแผนขยายสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น อาทิ ประเทศอินโดนิเซีย และประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้จะแบ่งเป็นในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% จากปีก่อน
อนึ่งล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด คิดเป็นสัดส่วน 35% ของทุนจดทะเบียนของ ETRAN ด้วยมูลค่ารวม 60.20 ล้านบาท ซึ่ง ETRAN ประกอบธุรกิจออกแบบพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์อีทราน (ETRAN) สำหรับประโยชน์จากการร่วมลงทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ อีกทั้งจะช่วยสนับสนุนให้ผลดำเนินการของบริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวกระโดดได้ในอนาคต โดยคาดว่า ETRAN จะสามารถสร้างรายได้ และผลกำไรได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป