มิติหุ้น-บมจ. อาปิโก ไฮเทค ประกาศผลงานไตรมาส 1/64 รายได้รวม 5,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% กำไรสุทธิ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1 % จากอุปสงค์รถยนต์ตลาดโลกฟื้นต่อเนื่องนับตั้งแต่กรกฎาคม 2563 ขณะที่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยอดขายแกร่ง เติบโตเกือบ 30% รวมถึงการเดินหน้าบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ หนุนอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งแตะ 12.08%
นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส1/2564 ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 5,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 532 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.2% และกำไรสุทธิ จำนวน 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท หรือ 28.1% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้ารายเดิมตามความต้องรถยนต์ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น และลูกค้าใหม่ หลังบริษัทคู่แข่งต้องปิดตัวลงจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มียอดขายเติบโตขึ้น ทั้งธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย และในประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์โปรตอนในประเทศมาเลเซียเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ช่วงเดือนตุลาคม 2563 โดยธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ หนุนรายได้เพิ่มขึ้นถึง 27.76%
ประธานกรรมการบริหาร บอกเพิ่มเติมว่า จากภาพรวมอุปสงค์รถยนต์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/63 โดยรายได้ของบริษัทฯ เติบโตในสัดส่วนที่มากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม ในเชิงปริมาณการผลิต (คัน) ที่เติบโตเพียง 2.68 % เท่านั้น
โดยการเพิ่มขึ้นของยอดขาย รวมไปถึงการมุ่งเน้นลดต้นทุน และการเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทและบริษัทในเครือฯรวมถึงบริษัทย่อยในประเทศโปรตุเกส ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้นจาก 10.15% ในช่วงเดียวกันปีก่อนเป็น 12.08% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.15% หนุนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 410.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 320.64 ล้านบาท โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 6.16% ในช่วงไตรมาสที่ 1/63 เป็น 7.16%
“เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในปี 2564 จะดีกว่าปีที่ผ่านมา จากแนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่เติบโต การควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและมีจำนวนการผลิตมากขึ้น รวมถึงบริษัทย่อยในประเทศโปรตุเกสและสาธารณรัฐประชาชนจีน มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น จากเดิมที่มีผลขาดทุนในไตรมาส ที่ 1/2563 แต่สามารถกลับมามีกำไรได้ในไตรมาสที่ 1/2564”นาย เย็บ ซู ชวน กล่าว
www.mitihoon.com