ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บมจ. เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ “NSL” เริ่มซื้อขาย 19 พ.ค. นี้

76

 

มิติหุ้น-บมจ. เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ ผู้ผลิตแซนด์วิช ขนมขบเคี้ยวจำหน่ายในร้าน 7-11 พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 19 พ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,600 ล้านบาท  โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “NSL”  

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “NSL” ในวันที่19 พฤษภาคม 2564

NSL ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป เช่น แซนด์วิชอบร้อน เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว วางจำหน่ายตาม
ร้าน 7-11 และเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเนื้อสัตว์ ผักแช่แข็ง โดยแบ่งธุรกิจได้ 4 ประเภท ได้แก่ 1) เบเกอรี่แบรนด์ของ
7-11 ที่ NSL ผลิตให้ 2) แบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่ NSL พัฒนาเอง 3) ธุรกิจ Food Service นำเข้าและแปรรูปเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักแช่แข็ง พร้อมนำไปประกอบอาหาร และ 4) รับจ้างผลิตเบเกอรี่ หรือ OEM

NSL มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลทั่วไป 53 ล้านหุ้น ผู้ลงทุนสถาบัน 7 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการะคุณของบริษัท10 ล้านหุ้น และพนักงานบริษัทฯ 5 ล้านหุ้นในระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤษภาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 900 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 24 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในช่วง4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563) ซึ่งเท่ากับ 151.4 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขาย IPO คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (fully diluted EPS) เท่ากับ 0.50 บาท โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) เปิดเผยว่า NSL มุ่งเน้นผลิตสินค้า    เบเกอรี่ให้แก่ร้าน 7-11 ทั่วประเทศและพัฒนาสินค้าในแบรนด์ของ NSL เอง เพื่อให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อาหารที่ตอบสนองทุกช่วงวัยของชีวิต บริษัทฯ มีแผนงานที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ โดยบริษัทจะลงทุนในเครื่องจักรและก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่ซึ่งจะเน้นการผลิต 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่เย็น และอาหารแห้งกึ่งสำเร็จรูป โดยมุ่งเน้นตลาดในประเทศเป็นหลักและขยายสู่ตลาดทั่วโลกต่อไป นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนยังจะช่วยปรับโครงสร้างทางการเงินจากการชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

NSL มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นใดในอนาคต และปัจจัยอื่นๆ

ทั้งนี้ หลัง IPO NSL จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ นายสมชาย อัศวปิยานนท์ ถือหุ้น 75% นางสาวจุไรลักษณ์ เจียมวงษา ถือหุ้น 0.72% และนายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย ถือหุ้น 0.56%

ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.nslfoods.com และ www.set.or.th

www.mitihoon.com