THE มั่นใจงบปี 64 มีโอกาสทำนิวไฮรับอานิสงส์ราคาขายเหล็กพุ่ง 32% ดันงบQ1/64 พลิกมีกำไรสุทธิ 349 ล้านบาท แจกปันผลระหว่างกาล 0.20 บาท คาดไตรมาส 2 แรงได้อีก เหตุมีออเดอร์จ่อส่งมอบอีกไม่น้อยกว่าพันล้านบาท
THE กลับมาผงาดภายหลังราคาขายเหล็กโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 32% ดันงบไตรมาสแรกพลิกมีกำไรสุทธิ 349 ล้านบาท เพียงไตรมาสเดียวทำสถิติสูงกว่าผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง คาดQ2/64 แรงไม่มีแผ่ว เหตุมีออเดอร์รอส่งมอบอีกไม่น้อยกว่าพันล้านบาท มั่นใจผลประกอบการทั้งปีมีโอกาสสร้างสถิติทำนิวไฮ พร้อมประกาศปันผลระหว่างกาล 0.20 บาท ขึ้น XD วันที่ 27 พ.ค. 64 และกำหนดจ่ายวันที่ 10 มิ.ย. 64
นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะสตีล จำกัด (มหาชน) หรือTHE เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าผลประกอบการในงวดปี 2564 นี้จะพลิกกลับมามีผลกำไรสุทธิ และคาดว่าจะมีรายได้จากการขายราว 13,000 ล้านบาท ภายหลังผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2564 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้จากการขาย 3,202 ล้านบาท เติบโต 85% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และพลิกมีกำไรสุทธิ 349.61 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 160.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 317%
ปัจจัยหลักผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯ พลิกมีผลกำไรเนื่องจากประเทศจีนได้ปรับลดกำลังการผลิตเหล็กลง ขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบเหล็กจากต่างประเทศลดลง เนื่องจากการขนส่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนเกิดภาวะปริมาณเหล็กในประเทศขาดแคลน
สถานการณ์ดังกล่าวกระทบให้ราคาเหล็กในตลาดโลกและราคาขายเหล็กในประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายโดยเฉลี่ยของเหล็กม้วนดำซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม เทียบจากราคาขายเฉลี่ยในปี 2563 อยู่ที่ 18-19 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้ราคาขายเหล็กโดยเฉลี่ยของบริษัทฯ ในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 32%
“บริษัทฯติดตามสถานการณ์ราคาเหล็กในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และพบว่าราคาขายเหล็กโดยเฉลี่ย ในไตรมาส 2 ของปี 2564 นี้ ยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และพบว่ามียอดคำสั่งซื้อเหล็กคงค้างและรอส่งมอบเพื่อรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 2 นี้ ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท ทำให้มีความเชื่อมั่นในผลประกอบการสำหรับงวดปี 2564 นี้จะเติบโตอย่างโดดเด่นและมีนัยสำคัญ”นายบุญชัยกล่าว
บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่าในปี 2564 นี้ ผลประกอบการจะมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุด(New High) พิจารณาได้จากงบไตรมาสแรกเพียงไตรมาสเดียว มีผลกำไรสุทธิถึง 349.41 ล้านบาท มากกว่าผลประกอบการย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2563 มีผลขาดทุนสุทธิ 130 ล้านบาท ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 215.51 ล้านบาท และปี 2561 มีผลขาดทุนสุทธิ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประเมินว่าสถานการณ์ราคาเหล็กได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากประเทศจีนไม่สามารถให้ส่วนลดพิเศษทางการค้า(Rebate) สินค้าเหล็ก ภายหลังได้รับแรงกดดันทางการค้าจากประชาคมโลก
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวดไตรมาส 1ของปี 2564 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล(Record date) วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 และกำหนดจ่ายในวันที่ 10 มิถุนายน 2564
www.mitihoon.com