Sideway ไม่มีทิศทาง เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว

420

 ภาพรวมดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะผันผวนลดลงตามคาด และมีการปรับประมาณการกำไรปี 2564 ของบริษัทจดทะเบียนขึ้น แต่กลับมีปัจจัยลบจากต่างประเทศเข้ามาถ่วง โดยปัจจัยลบจากต่างประเทศที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ความกังวลเรื่องการลดมาตรการ QE ของเฟด และราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานแรง (กังวลเรื่องอุปทานน้ำมันที่อาจเพิ่มขึ้นจากการส่งออกของประเทศอิหร่าน) ซึ่งประเด็นการพักฐานของราคาน้ำมันดิบได้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี สินค้าเกษตร เป็นต้น ที่เคยหนุนภาพรวมการลงทุนในช่วงที่หุ้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบล่าสุดในขณะนี้ ถูกขายทำกำไร และกลายเป็นตัวกดดันดัชนี SET index

 

สำหรับสัปดาห์นี้แนะนำ ติดตาม i) การทยอยประชุมนักวิเคราะห์ หลังการรายงานผลการดำเนินงาน 1Q64 ซึ่งคาดว่าในภาพรวมจะมีการปรับประมาณการฯขึ้นโดยเฉลี่ย ii) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่คาดเมื่อเข้าสู่เดือน มิ.ย. จะมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นมาหนุน Sentiment ในระยะถัดไป นอกจากนี้ การปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยของ  MSCI ในเดือนนี้ คาดจะถ่วงการปรับขึ้นของดัชนี ทำให้ยังคงเป็นการฟื้นตัวในกรอบที่จำกัด ประเมินแนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,570 จุด

 

ประเมิน การลงทุนในสัปดาห์นี้จะเน้นการ Selective buy มากขึ้น ตามประเด็นข่าวที่จะเข้ามาของหุ้นแต่ละตัว ตามการประชุมนักวิเคราะห์ และมีโอกาสที่หุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก หรือ Global play จะยังเด่นต่อไป เว้นหุ้นกลุ่มพลังงานและสินค้าเกษตรที่ยังต้องติดตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ หุ้นที่น่าสนใจได้แก่ i) หุ้นกลุ่มขนส่ง (III, LEO) ii) หุ้นกลุ่มส่งออก (SAT, EPG) iii) หุ้นกลุ่มเช่าซื้อ (ECL, ASK, MTC) และแนะนำทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic play และท่องเที่ยว อาทิ CPALL, CRC, CENTEL, MINT เป็นต้น เนื่องจากคาดการเริ่มต้นฉีดวัคซีนในเดือน มิ.ย. จะหนุน Sentiment การลงทุนหุ้นในกลุ่มเหล่านี้    

โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์