กระแสการตอบรับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ดีขึ้นแบบ “ดีวันดีคืน” เห็นได้จากยอดการลงทะบียนฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นอย่างมาก หนุนบรรยากาศโดยรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้คึกคักกันพอสมควร แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเดินหน้าทำยอดขยับขึ้นให้ลุ้นกันตลอด แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่มีต่อพลัง “วัคซีน” ว่าจะเข้ามาทำให้ทุกอย่างคลี่คลายในไม่ช้า
ความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมาเป็นบวก หนุนให้การลงทุนหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นที่ได้อานิสงส์จาก “ธีมเปิดเมือง” กลับมาอยู่ในโฟกัสของกูรูอีกครั้ง โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในรายงานว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ให้แบ่งน้ำหนักไปเน้นสะสมหุ้นเปิดเมือง หรือหุ้นที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นในช่วงที่เหลือของปี อย่าง KBANK, CPALL และ MINT
สำหรับ KBANK (FV @ 155.00) หลังจากหมดแรงกดดันจากการปรับพอร์ตตาม MSCI บวกกับตัวธุรกิจได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นลำดับต้นๆ ทำให้ KBANK กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยลูกหนี้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 14% ของพอร์ตสินเชื่อ (3.2 แสนล้านบาท) ลดลงจาก 19% ของพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2563
ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในการบริหารจัดการ ด้าน Credit Cost ยังสอดคล้องกับประมาณการทั้งปี และเชื่อว่ายังมีความเป็นไปได้หลัง ธ.พ. เปิดเผยว่าลูกหนี้เข้าร่วมมาตรการฯ ตั้งแต่เริ่มมาตรการฯ มีความเสี่ยงอยู่ราว 6 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าตัวเลข Sensitivity แม้เผชิญการระบาดระลอกใหม่
ส่วน CPALL (FV @ 74.00) การลงทะเบียนฉีดวัคซีนทาง 7-Eleven และการต่อสัญญาตั้ง 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมันอีก 10 ปี ถือเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้นในช่วงนี้ ขณะที่แนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 2/64 ธุรกิจค้าปลีกทั้งหมดยังน่าจะคาดหวังการฟื้นตัวลำบาก แต่เชื่อว่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว โดยนับจากงวดครึ่งปีหลังของปี 64 คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังการกระจายวัคซีน คาดหนุนกำลังซื้อ+ท่องเที่ยวทยอยกลับมาอีกครั้ง
ด้าน MINT (FV @ 34.00) แนวโน้มขาดทุนเริ่มลดลงช่วงครึ่งปีหลังปี64 หลังวัคซีน COVID-19 กระจายครอบคลุมประชากรในยุโรปมากขึ้น เอื้อต่อ NH Hotel ที่ฐานลูกค้าเป็น Domestic ราว 70% – 75% นอกจากนี้ MINT เตรียมทำ Asset rotation ผ่านสินทรัพย์ของ NH Hotel ช่วงไตรมาส 2 –ไตรมาส 3/64 เชื่อว่าจะได้รับเงินสดสุทธิอย่างน้อย 200 ล้านยูโร ช่วยเสริมสถานะการเงินของ NH Hotel แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งราคาหุ้น MINT ยัง Laggard SET Index โดยตั้งแต่ เม.ย. 64 จนถึง 27 พ.ค.64 ปรับตัวลง 1.6% มากกว่า SET ที่ปรับตัวลง 0.2% ซึ่งถือว่าตอบรับปัจจัยลบมากพอสมควร
ลุ้นวัคซีนทางเลือกหนุนหุ้นเดินหน้า
อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยประเมินว่า หากกระแสการลงทะเบียนฉีดวัคซีนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้จำนวนผู้ลงทะเบียนรายใหม่มีสูงกว่าจำนวนวัคซีนที่นำเข้ามา ในบางเดือนได้ เช่น เดือน มิ.ย. 2564 ตามแผนจะนำวัคซีนเข้ามา 6 ล้านโดส แต่อาจมีผู้ลงทะเบียน 10 ล้านคน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะเป็นแรงผลัดดันให้รัฐเร่งเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยเฉพาะวัคซีนทางเลือก เพื่อรองรับความต้องการวัคซีนที่มีอยู่สูง ซึ่งจะช่วยให้กิจกรรมเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น และเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นเปิดเมือง เช่น กลุ่มสายการบิน (AOT) กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (MINT), กลุ่มค้าปลีก (CPALL CRC BJC SPVI), กลุ่มธนาคาร (KBANK BBL), กลุ่มบันเทิง (MAJOR)
www.mitihoon.com
