สิงห์ เอสเตท ปักหมุดศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯ ตอนเหนือ บนทำเลศักยภาพถนนวิภาวดี

242

มิติหุ้น  –  นับวันจะยิ่งเห็นได้ชัดว่าศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครกำลังเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นผลจากการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ และโครงข่ายคมนาคมที่ขยายไปในพื้นที่อื่นๆ เปิดรอยต่อให้มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการในด้านต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจและที่พักอาศัย โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบศูนย์กลางระบบคมนาคมทางรางแห่งใหม่ หรือที่เรียกกันว่าสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ราว 3 แสนคนต่อวัน เปรียบเสมือนจุดเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญในอนาคต  โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงทำให้บริเวณที่เชื่อมต่อกับถนนวิภาวดีรังสิต และบริเวณห้าแยกลาดพร้าว กลายเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก

เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อด้านการค้าการลงทุนที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ด้วยศักยภาพของทำเลที่จะถูกยกระดับเป็นเกตเวย์ของการเชื่อมต่อในหลายช่องทาง เป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายจากชุมชนที่มาจากทั้งส่วนงานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอกชน พร้อมด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตที่ครบครัน อาทิเช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา ร้านอาหาร ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า ที่สำคัญยังมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามจากพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะถึง 3 แห่ง ได้แก่ สวนวชิรเบญจทัศ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนจตุจักร จึงทำให้ความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียมพักอาศัยบริเวณนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับข้อมูลของทางซีบีอาร์อี ประเทศไทย ที่ได้สำรวจไว้ว่า จากปลายปีที่ผ่านมา ย่านวิภาวดี รวมไปถึงช่วงต้นถนนพหลโยธินและถนนลาดพร้าว มีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานถึง 90% โดยพื้นที่สำนักงานในย่านนี้รวมทั้งหมดมีอยู่ราว 908,000 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ 236,800 ตารางเมตรเป็นสำนักงานเกรดเอ

ขณะที่นางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและการพาณิชย์ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า สิงห์ เอสเตท เล็งเห็นศักยภาพของย่านวิภาวดีรังสิตที่กำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพตอนเหนือ จึงได้ลงทุนในอาคารซันทาวเวอร์ส และพัฒนาพื้นที่บริเวณซอยเฉยพ่วง ขยายพื้นที่ตลาดซันพลาซ่า และศูนย์อาหาร โดยล่าสุดได้พัฒนาโครงการเอส โอเอซิส มูลค่า 3,695  ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดี รังสิต บนพื้นที่ 6 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา เป็นสำนักงานเกรด เอ อาคารแรกบนถนนวิภาวดีรังสิต สูง 35 ชั้น ประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่า 54,000 ตารางเมตร พื้นที่ค้าปลีก 1,700 ตารางเมตร ที่จอดรถยนต์จำนวน 870 คัน พร้อม EV Charger และอาคารจอดรถโดยรอบที่รองรับได้กว่า 1,500 คัน ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 60%  และคาดว่าจะสร้างเสร็จในช่วงปลายปี 2021 สำหรับโครงการ เอส โอเอซิสนี้ ทางบริษัทได้แต่งตั้ง CBRE เป็นตัวแทนในการปล่อยเช่าพื้นที่สำนักงาน

“โครงการเอส โอเอซิส ถือเป็นโครงการคุณภาพระดับ Best In Class ของบริษัท ด้วยแนวคิด Enriching Life มุ่งมั่นสร้างสังคมคุณภาพที่ดี ตามแนวทางของสิงห์ เอสเตท เพื่อนำไปสู่การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน (Sustainable Value) ให้กับชุมชนโดยรอบ จึงออกแบบตามมาตรฐาน LEED เน้นการอนุรักษ์พลังงาน ส่งเสริมประสิทธิภาพและสุขภาวะที่ดี ด้วยการใส่ใจในการออกแบบ และเลือกใช้วัสดุที่มีมลพิษต่ำ การก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความสะดวกสบายในการทำงาน และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เป็นการประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย”

นางอรณีย์ กล่าวถึงจุดเด่นของโครงการเอส โอเอซิส อีกว่า เป็นอาคารอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart and Eco-Friendly Building)  ตอบโจทย์การทำงานแบบ New Working Culture โดยบูรณาการพื้นที่โดยรอบอาคารให้มีสภาพแวดล้อมที่สดใส สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานกับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการทำงานสูงสุด ผสมผสานอย่างลงตัวทั้งพื้นที่การทำงานภายในและภายนอกอาคาร ร่วมกับเทคโนโลยีลดการสัมผัสในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อความปลอดภัย และสุขอนามัยที่ดีในยุค Next Normal รองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ด้วยความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการใช้งานและสิ่งอำนวยความสะดวกของพื้นที่ตามความต้องการ และนอกจากนี้ยังเพิ่มการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อช่วยให้เกิดความคล่องตัวและสามารถสร้างสรรค์การทำงานร่วมกันได้ทันทีในทุกสถานที่และทุกเวลา

ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท บริหารพื้นที่สำนักงานอาคารซันทาวเวอร์ส ริมถนนวิภาวดีรังสิต มากกว่า 62,000 ตารางเมตร และเมื่อโครงการเอส โอเสซิส แล้วเสร็จ บริษัทจะบริหารพื้นที่สำนักงานทั้งสิ้นประมาณ 116,000 ตารางเมตร  พร้อมทั้งสร้างบริเวณนี้ให้เป็นเอส ดิสทริค (S District) เพื่อเป็นสังคมคุณภาพแห่งใหม่ บนทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพตอนเหนือ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังบริหารพื้นที่สำนักงานอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศกเพชรบุรี และอาคารเอส เมโทร ใจกลางพร้อมพงษ์ อีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า (Commercial Business Unit) บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายท่ามกลางความท้าทายในช่วงวิกฤติโควิดในไตรมาส 1 ปี 2564 อัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยโดยรวมขยับขึ้นต่อเนื่องจากปี 2563 มาอยู่ที่ 90% บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูงและสามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่มั่นคง ในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากปี 2563 บริษัทตั้งเป้าพื้นที่ให้เช่ารวม 250,000 ตารางเมตร ซึ่งเติบโตขึ้น 80% ในขณะที่คาดการณ์รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเติบโตขึ้นราว 105% รวมทั้งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งให้แก่บริษัทในอนาคต

www.mitihoon.com