ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.จักรไพศาล เอสเตท หรือ JAK ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล สระบุรี และภาคตะวันออก โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า JAK มีแผนที่จะมีการพัฒนาโครงการในอนาคต จำนวน 3 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,422 ล้านบาท คือ 1) โครงการเฟิร์น เฟสที่ 2 ที่ชลบุรี มูลค่า 413 ล้านบาท เริ่มส่งมอบไตรมาส 1/64 2) โครงการ Canna มูลค่า 422 ล้านบาท ที่ชลบุรี ส่งมอบไตรมาส 2/64 3) โครงการ Peony & Pine (รังสิต) มูลค่า 587 ล้านบาท ที่ปทุมธานี ส่งมอบไตรมาส 3/64 – ไตรมาส 2/65
ปีนี้รายได้โตก้าวกระโดด
ทั้งนี้ แม้ JAK จะเป็นหุ้นเล็กแต่มีความชำนาญบ้านแนวราบ การเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่เดือนมกราคม แม้จะได้เงินไม่มาก แต่มองว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงให้คนรู้จักมากกว่า อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ ได้ประเมินรายได้ปี 64 เพิ่มขึ้นกว่า 170% ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดอย่างแรง
เร่งขาย-เดินหน้ารับทรัพย์ยอดโอน
โดย บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ JAK ว่า ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นที่ 2.40 บาท แม้ว่าจะมี Trailing PER ที่สูง แต่เนื่องด้วยจำนวนโครงการที่เตรียมเปิดขายในปี 2564 และทำให้แนวโน้มยอดโอนมีเป็นจำนวนสูงกว่าปีก่อนๆ มาก ทำให้ในสถานการณ์ปกติผลประกอบการของ JAK จะเติบโตได้สูง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเศรษฐกิจที่อ่อนแอและสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ทำให้มองว่าการซื้อโครงการและการโอนอาจมีความล่าช้าจากช่วงปกติ เป็นความเสี่ยงสำคัญที่กดดันราคาหุ้น
www.mitihoon.com