ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พริมา มารีน หรือ PRM โดยฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาสแรกตามคาดที่ 400 ล้านบาท ลดลง 3.2% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 50.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดทิศทางไตรมาส 2/64 จะฟื้นตัวได้ แม้ว่าอุปสงค์นำมันอากาศยานจากการท่องเที่ยวในภาคใต้ยังไม่ฟื้นเพราะ Covid-19 แต่ 1. กลุ่มเรือ Domestic Tanker 30 ลำ เริ่มได้อุปสงค์จากน้ำมันแก๊สโซลีน ดีเซล ฟื้นตัวเข้ามาชดเชย และ2. เรือ Aframax 1 ลำ จะเริ่มเข้าสู่สัญญาแบบ Time-charger ด้วยค่าระวางดีขึ้นตั้งแต่กลางไตรมาส ส่วน 3. เรือ FSU 2 ลำใน 8 ลำ จะกลับเข้าทำงานหลังเข้าซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อน แต่ด้วยต้นทุน LSFO ในระดับสูง และสถานการณ์ Backwardation ในตลาดน้ำมัน ทำให้คาด FSU ฟื้นไม่มากนัก ขณะที่ 4. เรือ AWB เริ่มกลับมาทำงานหลังได้สัญญาระยะยาว 2 ปี ตั้งแต่ เม.ย.
ทั้งนี้ PRM ได้รับเรือจาก TM เมื่อ 1 พ.ค. ฝ่ายวิจัยคาดรายได้จะเพิ่มขึ้น 10-15% จากการเริ่มรวมงบ และคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ไว้ที่ 380-415 ล้านบาท จากไตรมาส 1/64 ที่ 400 ล้านบาท และเทียบไตรมาส 2/63 ที่ 442 ล้านบาท อย่างไรก็ดีประเมินปี 64 PRM กำลังท้าทายกับการรับมอบและปรับปรุงประสิทธิภาพกองเรือใหม่ TM กว่า 19 ลำ เพื่อให้มาสนับสนุนกำไรของ PRM ในระยะยาว ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างชัดเจนในปี 65 โดยจะทบทวนสมมติฐานอีกครั้งหลังงบไตรมามาส 2/64 ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 8.50บ บาท
www.mitihoon.com
