มิติหุ้น – นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่าเดือนมิถุนายนแม้ราคาทองคำจะปรับตัวสลับแดนบวกและแดนลบแต่ยังถือว่าเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยในช่วงต้นเดือนราคาทำระดับสูงสุดที่ 1,917 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แต่ยังสามารถเคลื่อนไหวไม่ไกลจาก 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยแรงขายส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยการขายทำกำไรทางเทคนิค นอกจากนี้กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มกลับมาทำการขาย หลังจากที่เข้าซื้อเมื่อเดือน พฤษภาคม
อย่างไรก็ดีในเดือน มิถุนายน มีปัจจัยที่ต้องจับตาคือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเฉพาะประเด็นของการประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาประเด็นเหล่านี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและส่งผลดีต่อราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น การประชุมในครั้งนี้จึงมีความสำคัญกับทิศทางการเคลื่อนไหวของทองทำในช่วงที่เหลือของปี เพราะหากมีการส่งสัญญาณลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบ หรือการลดวงเงิน QE เร็วกว่าที่คาดก็อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังต้องจับตาใกล้ชิด เพราะแม้ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น แต่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่มองว่ายังคงห่างไกลจากเป้าหมายของเฟด
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้หากสามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,903-1,917 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 28,000-28,250 บาทต่อบาททองคำ ก็จะเป็นสัญญาณไปต่อได้ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ แนะนำให้ขายทำกำไรออกมาก่อน อย่างไรก็ดีจังหวะที่ราคาทองคำหลุดแนวต้านและปรับตัวลดลงนี้ วายแอลจียังคงแนะนำให้เข้าซื้อได้ที่แนวรับ 1,869 – 1,855 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือเข้ารับที่ใกล้บริเวณ 27,500-27,350 บาทต่อบาททองคำ เพราะในระยะยาวสัญญาณทองคำยังเป็นบวก
www.mitihoon.com