ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 2/64 ดีจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด เนื่องจากการระบาดระลอกที่สามของโควิดในไตรมาส 2/64 ที่รุนแรงกว่าระลอกสองในไตรมาส 1/64 คาดว่าผลประกอบการทางการเงินของ CHG น่าจะดีขึ้น QoQ จากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิดที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากสมาชิกประกันสังคมสามารถตรวจ Covid ได้ฟรีที่โรงพยาบาลประกันสังคม ดังนั้น CHG กับ BCH จึงได้รับประโยชน์จากประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบปานกลางต่อจำนวนผู้ป่วยที่มา รพ. เนื่องจากเลี่ยงที่จะไปโรงพยาบาลเนื่องจากอาการป่วยเล็กน้อย
ทั้งนี้ CHG แจ้งว่าทางโรงพยาบาลจะบริหารจัดการศูนย์โรคหัวใจอีกหนึ่งแห่ง (ศูนย์โรคหัวใจสมุทรปราการ) ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณ 7.8 ล้านบาท/เดือนในช่วง 3 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป ซึ่งเพิ่มเติมจาก 3 โรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้การบริหารอยู่แล้ว เราได้รวมรายได้เพิ่มเติมนี้ในประมาณการและเพิ่มคาดการณ์กำไรหลัก 0.5% ในปี 2564 และ 3.3% ในปี 65 รวมทั้งปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย 2.7% คงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้น 43.9% YTD ได้สะท้อนปัจจัยบวกจากแนวโน้มที่ดีแล้ว
ขณะที่ปีนี้ CHG มุ่งเน้นไปที่การบริหารโรงพยาบาลแห่งใหม่ และปัจจุบันมีโรงพยาบาลภายใต้การบริหาร 4 แห่ง ได้แก่ 1) โรงพยาบาลพัทยา 2) โรงพยาบาลเกาะล้าน 3) ศูนย์หัวใจสิรินธร และ 4) โรงพยาบาลล่าสุด – ศูนย์โรคหัวใจสมุทรปราการ เราคาดว่าธุรกิจการบริหารจัดการโรงพยาบาลจะสร้างรายได้รวม 344 ล้านบาทในปี 64 และอาจเติบโต 48% เป็น 508 ล้านบาทในปี 65 เนื่องจากผลกระทบทั้งปีในปี 65
แม้ว่าสัญญาการจัดการโรงพยาบาลจะมีอายุ 1-3 ปี แต่เชื่อว่าสัญญาดังกล่าวสามารถต่ออายุได้หาก CHG ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เราดว่าการบริหารจัดการโรงพยาบาลน่าจะมีอัตรากำไร EBITA ที่สูงกว่า และเป็นเหตุผลให้อัตรากำไร EBITDA margin เพิ่มเป็น 28.3% ในปี 64 จาก 26.8% ในปี 63 ดังนั้น คงแนะนำ “ถือ” เพิ่มเป้าหมายเป็น 3.80 บาท
www.mitihoon.com