มิติหุ้น – นายโรเบิร์ต อู๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น เล็งเห็นถึงปัญหาและความจำเป็นของคุณภาพอากาศที่สะอาดและปลอดภัย จึงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์เอกสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวของชาร์ปอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่นำมาปรับใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งเครื่องฟอกอากาศ ตู้เย็น เครื่องดูดจับไรฝุ่นและเครื่องปรับอากาศ แต่ยังนำมาต่อยอดในพื้นที่สาธารณะต่างๆอีกด้วย ซึ่งล่าสุดชาร์เล็งเห็นความสำคัญของการควบคุมและจัดการกระระบาดของโควิด-19 ว่าวัคซีนจะเป็นหนทางในการควบคุมการระบาดได้ดีที่สุดจึงได้มอบเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้กับ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่รองรับความต้องการของประชาชนได้มากเป็นลำดับ 2 ของประเทศ รองจากศูนย์รับวัคซัน ณ สถานีบางซื่อ โดยคาดการว่าจะมีผู้เข้ารับวัคซีนกว่า 2,000 ราย ต่อวัน นอกจากนี้ชาร์ปยังทำโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “Write to Breathe” ที่ทางชาร์ปได้ลงพื้นที่ทำกิจกรรมไปแล้วทั้งสิ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยทางชาร์ปให้โอกาสเด็กๆ ในท้องที่ได้เขียนแสดงความเห็นเกี่ยวกับมลพิษที่พวกเขาต้องเผชิญ ภายใต้หัวข้อ “I have right to breath” สอดรับกับชื่อโครงการที่เปิดพื้นที่ให้เด็กๆได้ลอง “Write(เขียน)” ถึงสิ่งที่เป็น “Right(สิทธิ)” ของพวกเขาเอง พร้อมทั้งส่งมอบเครื่องฟอกอากาศทั้งสิ้น 40 เครื่อง ให้แก่โรงเรียนและสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าในจังหวัด รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและดูแลตนเองในยามที่ต้องใช้ชีวิตในสภาวะอากาศเป็นมลพิษโดยอาจารย์จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากเด็กๆ เป็นอย่างดี นำไปสู่กิจกรรมครั้งที่ 2 ที่จังหวัดราชบุรี โดยครั้งนี้ทางชาร์ปจับมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบสนุกเข้าใจง่ายและลงพื้นที่มาทำกิจกรรมกับน้องๆ เยาวชนในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงพิษภัยของฝุ่น PM 2.5 พร้อมมอบเครื่องฟอกอากาศให้แก่โรงเรียนและมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับเด็กจำนวน 15 หน่วยงาน เป็นจำนวน 42 เครื่อง
ในด้านประสิทธิภาพเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ศุภโชค เจนธรรมนุกูล ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกโซลูชั่นดีไซน์ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “พลาสม่าคลัสเตอร์ เป็นเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของชาร์ปที่ถูกคิดค้นและใช้งานครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน โดยทางฝ่ายวิจัยและพัฒนาได้คิดค้นและต่อยอดพลาสม่าคลัสเตอร์ จนได้รับการรับรองจากสถาบันมากกว่า 30 แห่งทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยยับยั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ช่วยสลายสารก่อภูมิแพ้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ผลการทดสอบของสถาบันต่างๆ พบว่า เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ช่วยยับยั้งไวรัสในอากาศได้ถึง 99% และผลวิจัยล่าสุดที่ร่วมกับศูนย์วิจัยแห่งชาติเพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคติดเชื้อ สถาบันเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ยังพบว่า เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ ช่วยลดจำนวนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ในอากาศได้มากถึงร้อยละ 91.3*”
ในสภาวะที่โลกต้องเผชิญกับ PM2.5 และวิถีชีวิตแบบ New Normal จากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผู้บริโภคทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับมาตราฐานความสะอาดและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยผู้ประกอบการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการให้กับผู้บริโภคได้ ซึ่งชาร์ปเองได้พัฒนาและประยุกต์เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ให้ติดตั้งและใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งภายในระบบระบายอากาศ/กระจายอากาศภายในอาคารหรือพื้นที่สาธารณะ แบบตั้งพื้น ติดผนังและเพดาน โดยมีการใช้งานจริงและทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานแล้วในหลากหลายภาคพื้นธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นห้องฟอกไตโรงพยาบาลธรรมศาสตร์, รถรับส่งผู้ป่วย (Ambulance) การขนส่งมวลขน เช่น รถไฟฟ้าและรถประจำทาง รวมถึงกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคอนโดมิเนียม”
จากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งโดยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์กว่า 90 ล้านเครื่องทั่วโลก และศักยภาพของทีมงาน Smart Sotution ผู้เชี่ยวชาญในการ ออกแบบ และติดตั้งระบบฟอกอากาศให้เหมาะสมให้กับทุกกิจการ ทำให้ชาร์ปมีความพร้อมที่จะสร้างอากาศสะอาดเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการออกมาจับจ่าย ออกมาใช้ชีวิต ภายใต้แนวคิด Clean Air Society “อากาศสะอาดสร้างได้ ด้วยพลาสม่าคลัสเตอร์”
www.mitihoon.com