มิติหุ้น – นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หุ้นกู้ฯ ที่จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป มีจำนวน 3 รุ่น อายุ 5 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง [2.90-3.10]% ต่อปี อายุ 7 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง [3.20-3.50]% ต่อปี และอายุ 10 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง [3.70-4.00]% ต่อปี วันจองซื้อหุ้นกู้ที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง โดยเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ผ่านสาขาปกติและระบบออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
“บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ฯ บ้านปูจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่พิจารณาลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีศักยภาพในการขยายธุรกิจในอนาคต สะท้อนได้จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ระดับ A+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ภายใต้ความท้าทายของอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับการวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาวินัยทางการเงินและการบริหารเงินสดไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งยังเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่า หุ้นกู้ฯ บ้านปูจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบ้านปู กล่าว
ทั้งนี้ บ้านปูพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนธุรกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ สำหรับปี 2564-2568 ต่อยอดกลยุทธ์ Greener & Smarter ด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เข้าดำเนินธุรกิจครอบคลุม 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศมองโกเลีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยสร้างการเติบโตจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ประกอบด้วย ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ การจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ครอบคลุมโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตลอดจนการเล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม BANPU จึงขยายการผลิตพลังงานไฟฟ้าในหลายรูปแบบเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 และสร้างสมดุลระหว่างปริมาณการผลิตและความต้องการใช้พลังงาน รวมทั้งสร้างรากฐานสู่การใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคต ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานของบ้านปู มีพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงในการส่งมอบกระแสไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ และสังคม ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯ เพิ่งเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในประเทศออสเตรเลียจำนวน 2 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 166.8 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้รับซื้อที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในกลุ่มน่าลงทุน สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงในระยะยาว และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ประกอบด้วยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและทุ่นลอยน้ำ ธุรกิจจัดเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจพัฒนาชุมชนอัจฉริยะ ที่กำลังเร่งสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งการพัฒนาโซลูชันและขยายการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุค New Normal อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 51 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 1,543 ล้านบาท) สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจ โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 736 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 22,269 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 102 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 936 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 29,336 ล้านบาท) เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบ้านปู กล่าวด้วยว่า การผสานธุรกิจด้านพลังงานทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่หรือพลังงานหมุนเวียนรวมทั้งเทคโนโลยีพลังงานไว้ในโครงสร้างขององค์กรอย่างครบถ้วนนี้ ทำให้บริษัทฯ สามารถผนึกกำลังระหว่างกันในกลุ่มธุรกิจหลักเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสมดุลและขยายการเติบโตในธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บ้านปูยังได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” (Excellence CG Score) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จากการประเมินของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวมถึงการจัดอันดับให้เป็นหุ้นยั่งยืนใน THSI (THAILAND SUSTAINABILITY INVESTMENT) ซึ่งจะคัดเลือกหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีการบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีหุ้นยั่งยืนดาวโจนส์ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของ BANPU ในการดำเนินธุรกิจด้วยจุดยืน “Smarter Energy for Sustainability หรืออนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน รวมถึงผลประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียครอบคลุมทั้ง 10 ประเทศที่บริษัทฯ เข้าดำเนินธุรกิจอีกด้วย
จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในปัจจุบัน จึงได้เพิ่มช่องทางการจองซื้อหุ้นกู้ฯ BANPU เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น ผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ หรือการจองซื้อหุ้นกู้ผ่านทางโทรศัพท์บันทึกเสียงโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปจองซื้อหุ้นกู้ฯ ที่สาขา หรือ หน่วยงานขายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายดังกล่าว นักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านจากผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 4 แห่งได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
www.mitihoon.com