SA ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่า 8 พันล.บนทำเลทอง”รามอินทรา-ปิ่นเกล้า-ทุ่งสองห้อง”

117

มิติหุ้น – นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม Landmark @Grand Station มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ภายในเดือนมิถุนายนนี้  ขณะเดียวกันมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการหมู่บ้านแนวราบระดับบน ถนนพรานนก – พุทธมณฑล มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ติดทางลงสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้

“บริษัทมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มเติม บนทำเลทองที่มีความต้องการสูง เช่น ย่านถนนรามอินทราและบริเวณทุ่งสองห้อง โดยโครงการจะอยู่ใกล้บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายหลัก เน้นสินค้าที่มีราคาอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย  ขณะเดียวกันจะเปิดโครงการบ้านเดี่ยว แนวราบ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบนในโซนปิ่นเกล้า พร้อมกับการจัดโปรโมชั่นช่วยดึงดูดความสนใจในรูปแบบต่างๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าทำการเปิดขายโครงการใหม่ น่าจะได้รับความสนใจอย่างคึกคัก และจะช่วยผลักดันให้ปีนี้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 4,800 ล้านบาท”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มของความต้องการของการซื้ออสังหาฯในพื้นที่กรุงเทพฯ บริษัทประเมินว่ายังมีความต้องการสูง เช่น โครงการ Landmark @Grand Station มียอดจองสิทธิ์เข้ามาเลือกห้อง Pre-sale ถึงเกือบ 300 สิทธิ  เนื่องจากโครงการต่างๆของบริษัท อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี ติดถนนสายหลัก เช่น ถนนสุขุมวิท และใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายหลัก เหมาะสำหรับเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่คุ้มค่ากว่าคู่แข่งในทำเลเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า รวมทั้งปัจจุบันราคาที่ดินในทำเลที่ดี มีการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมีจำนวนน้อยลง และมีราคาสูงขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าโครงการของบริษัทฯจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สามารถควบคุมได้ในวงจำกัด หลังจากมีการฉีดวัคซีนตามแผนของรัฐบาลแล้ว และภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยผ่อนปรนให้ต่างชาติ สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งมาตราการต่างๆ จะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน

www.mitihoon.com