ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์มีแนวโน้มเติบโตสูง ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บลจ.วี เปิดขาย IPO “WE-EVOSEMI” รับดีมานด์การใช้ชิปในอนาคต

1159

“อุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ มีแนวโน้มเติบโตสูงตามประเทศกลุ่มผู้นำตลาด เดินหน้าพัฒนาแผนรองรับความต้องการใช้ชิปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หนุนบริษัทผู้ผลิตเติบโตในระยะยาว  บลจ.วี  มองเป็นจังหวะลงทุน เปิดขาย IPO “กองทุนเปิด วี อีโวลูชั่น ออฟ เซมิคอนดักเตอร์ (WE-EVOSEMI)” ระหว่างวันที่ 17-23 มิ.ย. 2564   คาดการณ์หลัง Covid-19 ความต้องการชิป (Chip) ใน Supply chain ยังเติบโตสูงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก”

นายอิศรา พุฒตาลศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี)  เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ปัจจุบันมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมต่างๆ (Supply Chain)  เช่น การผลิตสมาร์ทโฟน , เซิร์ฟเวอร์ระบบคลาวด์ , การผลิตรถยนต์สมาร์ทคาร์ เป็นต้น

โดยยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 2.04 แสนล้านเหรียญฯ ในปี 2000 เป็น 4.40 แสนล้านเหรียญฯ ในปี 2020  หรือเติบโตเฉลี่ย 3.91 % ต่อปี และคาดว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก จะมียอดขายสูงถึง 4.69 แสนล้านเหรียญฯ ในปี 2021 และจะเติบโตถึง 4.96 แสนล้านเหรียญฯ ในปี 2025 (Source: SIA 2021 Factbook)

ทั้งนี้บริษัทในสหรัฐ ถือเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาการออกแบบกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันทั้งด้านไมโครโปรเซสเซอร์และทรัพย์สินทางปัญญา ในปี 2020 บริษัท เซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ มีสัดส่วนการตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ตามที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท )คิดเป็น  47.2 % ของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ขณะที่ประเทศอื่นมีสัดส่วนการตลาดระหว่าง 5- 20 % (Source: SIA 2021 Factbook)

ทั้งนี้ บลจ.วี มองว่าแม้เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ที่ผ่านมา แต่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ ส่วนใหญ่ ยังเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต เริ่มวางแผนปรับตัวเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน (Shortage) และรองรับความต้องการได้ในระยะยาว ทำให้ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งหากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย

ด้วยมุมมองในเชิงบวกของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ดังกล่าว บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิด วี อีโวลูชั่น ออฟ เซมิคอนดักเตอร์ (WE-EVOSEMI) ระหว่างวันที่ 17-23  มิ.ย. 2564 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท กองทุน มีนโยบายในการลงทุนหุ้นขนาดใหญ่-กลาง-เล็ก เป็น ETF ที่มีการคัดเลือกหุ้นในรูปแบบ Smart Beta คัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มการทำกำไรได้ดีในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านกองหลัก Invesco Dynamic Semiconductors ETF ในสัดส่วน 70%

และเน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านกองทุนหลัก  VanEck Vectors Semiconductor ETF (SMH) ในสัดส่วน 30% เน้นลงทุนในบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทั่วโลก และบริษัทมีรายได้อย่างน้อย 50% จากเซมิคอนดักเตอร์ โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดของกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และกองทุน WE-EVOSEMI จะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ (ในภาวะปกติจะประมาณร้อยละ 80 % ของพอร์ต)

ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์ลงทุนเชิงรุกในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีผลประกอบการดีและมีราคาที่น่าสนใจ ทำให้กองทุนหลัก Invesco Dynamic Semiconductors ETF ณ วันที่ 31 มี.ค. 2564 ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 14.68%  ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 121.40% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 32.27% ย้อนหลัง 5 ปีอยู่  36.76% ย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 21.98% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 14.69%  เทียบกับดัชนี DZETR อยู่ที่ 14.85% , 122.75% ,  33.12% , 37.66%  , 22.86% และ 15.51% ต่อปี ตามลำดับ*

เช่นเดียวกับ กองทุนหลัก VanEck Vectors Semiconductor ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่เติบโตสูงทั่วโลก ทำให้  ณ วันที่ 31 พ.ค. 2564 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 2.51%  ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.41% ย้อนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 14.07%  ย้อนหลัง 1 ปีอยู่  77.28% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 34.25% ย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 36.05 และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 26.89% เทียบกับดัชนี MVSMHTR อยู่ที่  2.51% , 3.45% ,  14.13% ,  77.40% , 34.26% , 36.08%  และ 26.83% ต่อปี ตามลำดับ*