มิติหุ้น – บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ปลื้มกลับเข้าคำนวณดัชนี SET100 ตอกย้ำปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง สภาพคล่องการซื้อขายสูง กระตุ้นความสนใจนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน วางแผนเร่งสร้างยอดขายเติบโต หลังรัฐบาลเร่งระดมฉีดวัคซีนพร้อมประกาศแผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน มองสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด–19 มีแนวโน้มคลี่คลาย เตรียมจัดทัพผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มสาหร่าย (Seaweed) และผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์จัสท์ ดริ้งค์
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศการคัดเลือกหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณดัชนี SET 50, SET 100, sSET, SETCLMV, SETHD, SETTHSI และ SETWB ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 (1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคมนี้) ล่าสุด TKN ได้เข้าเป็น 1 ในสมาชิก SET 100 ซึ่งเป็นการกลับเข้าคำนวณในดัชนี SET100 อีกครั้ง สะท้อนว่า TKN เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องการซื้อขายสูง นอกจากนี้จะช่วยดึงดูดกนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก โดยปัจจัยบวกจะมาจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังจากรัฐบาลเร่งระดมฉีดวัคซีนซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ค่อยๆ คลี่คลาย และการที่นายกรัฐมนตรีประกาศแผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน
บริษัทฯ จึงพร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตผ่านการใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ศึกษาโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจที่เป็น New S-Curve ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสาหร่าย (Seaweed) ที่คาดว่าจะทยอยเปิดตัวอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 SKUs และผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์ “จัสท์ ดริ้งค์” รสชาติใหม่อีก 2-3 SKU โดยล่าสุด บริษัทฯ เปิดตัวจัสท์ดริ้งค์รสชาติใหม่ “กาแฟลาเต้” ที่คงความเป็นออริจินอลใช้สูตรรสชาติและวัตถุดิบหลักกาแฟนำเข้าจากไต้หวัน 100% ตั้งเป้าเป้ายอดขายของผลิตภัณฑ์ Just Drink ในปีนี้ 300-400 ล้านบาท
ขณะที่ความคืบหน้าในการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อทำการตลาดในประเทศจีน บริษัทฯ จะมุ่งเจาะช่องทางการขายผ่านร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง Online E-Commerce มากขึ้น โดยปัจจุบันแบรนด์เถ้าแก่น้อยครองส่วนแบ่งในตลาดในจีนกว่า 10% และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ขณะที่ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์สินค้าขาดแคลนนั้นคาดว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะผลักดันรายได้จากการส่งออกปรับตัวดีขึ้น
www.mitihoon.com