“Propfit (พร็อพฟิต)” พลิกวงการเอเจนซีอสังหาฯ ไทย หลังสร้างผลงานยอดขายแตะ 2,000 ล้าน ในระยะเวลาเพียง 18 เดือน

156

มิติหุ้น – นายฐิติพันธ์ เผ่าทรง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารบริษัท พร็อพฟิต จำกัด (Founder & CEO) เปิดเผยว่า จากขอบเขตการพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีประกอบกับตลาดอสังหาฯ ไทยที่มีนายหน้าเก่งๆ ที่เป็นฟรีแลนซ์อยู่จำนวนมาก กลุ่มผู้ก่อตั้ง Propfit ที่มีประสบการณ์โดยตรงจากธุรกิจอสังหาฯ จึงมองเห็นโอกาสในการ Disruptโครงสร้างธุรกิจและตัดสินใจเปิดตัว Propfit (พร็อพฟิต) ซึ่งเป็น Online Agent Platform ที่ใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มศักยภาพให้กับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ให้สามารถทำงานร่วมกับ

บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ทำให้ช่วยปิดการขายได้ไวและมีรายได้มากขึ้น นับเป็นโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ที่จะมาปฏิวัติวงการตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์จากรูปแบบเดิม“เรามองเห็นช่องว่างธุรกิจจาก ประเด็น คือหนึ่ง แม้ปัจจุบันผู้บริโภคจะคุ้นชินกับการซื้อขายออนไลน์เองโดยตรง อย่างไรก็ดี สินค้าประเภท high-Involvement อย่างอสังหาริมทรัพย์

ยังมีความจำเป็นที่ผู้บริโภคต้องเข้าเยี่ยมชมโครงการเพื่อเปรียบเทียบก่อนการตัดสินใจซื้อ จึงทำให้ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ พนักงานขาย และนายหน้ามีความสำคัญในกระบวนการขายและการตัดสินใจของผู้บริโภค  ข้อสองคือความผันผวนของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่าง 1-2 ปีนี้ เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการทำธุรกิจในรูปแบบเดิมโดยเฉพาะองค์กรที่มีความยืดหยุ่นน้อย การบริหารทีมงานแบบเดิมๆ จะสู้กับคู่แข่งที่ปรับตัวได้เร็วและดีกว่าไม่ได้ จึงนับเป็นข้อได้เปรียบขององค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม

รวมทั้งในทั้งสองข้อนับเป็นโอกาสในธุรกิจของเรา” นายฐิติพันธ์ เผ่าทรง Founder & CEO ของ Propfit กล่าวPropfit” เป็นแพลตฟอร์มตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้า (Disrupt ) การขายแบบเดิม ๆ ด้วยรูปแบบการทำงาน ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดีลครบ จบง่าย  ได้มากกว่า” ศูนย์รวมคอนโดฯ สำหรับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้างช่องทางการเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะการสร้างเครือข่าย

ในรูปแบบของ Online Agent Platform ที่มีขนาดใหญ่และมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด สามารถเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมทุกพื้นที่ ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็น ตัวกลาง” ระหว่างเครือข่ายของ “ตัวแทนขาย/นายหน้าอสังหาริมทรัพย์” (Property Agent) และ “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” (Property Developer)

ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็กให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อปิดการขายโครงการอสังหาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ Propfit จะช่วยลดต้นทุน จากการนำเสนอวิธีการขายในรูปแบบใหม่ โดยผู้ประกอบการฯ ไม่จำเป็นต้องมี Fixed Cost ต้นทุนสำหรับการตั้งทีมขายของตัวเองทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในสภาพตลาดที่มีความผกผัน ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ปัจจุบันได้อย่างดี ด้วย 3 เครื่องมือสนับสนุนที่ใช้งานง่าย บริหารจัดการจบด้วยตัวเองได้ทันที

ได้แก่ 1.Stock inventory  ช่วยให้สามารถเข้าถึงสต๊อกโครงการต่างๆกว่า 8,000 ยูนิต 2.Proposal module สามารถส่งข้อมูลรายการให้ลูกค้าสะดวกและเรียลไทม์

3.Sales Pipeline Management ระบบบริหารการขายประสิทธิภาพสูง (Free beta) โดยเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะได้รับข้อมูลสนับสนุนจาก Propfitทั้งด้านการตลาดและบริการด้านการขาย (Marketing & Sale Service ) ตอบโจทย์การขายอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มยอดขาย

และลดต้นทุนด้านการตลาด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งทีมขาย“ข้อได้เปรียบสำหรับการทำงานกับแพล็ตฟอร์มของ Propfit คือ “Matching Mechanism” หรือระบบที่ Propfit เก็บข้อมูลเป็นรายสัปดาห์ ที่จะช่วยจับคู่ระหว่างยูนิตคอนโดมิเนียมเข้ากับความถนัดเฉพาะตัวของแต่ละตัวแทนขาย/นายหน้าอสังหาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการที่ตัวแทนขายหรือนายหน้าอสังหาฯ ในแต่ละกลุ่มจะมีความถนัดเฉพาะตัว

ทั้งในเรื่องของราคา พื้นที่ รวมถึงฐานลูกค้าที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกกลุ่มนายหน้าให้เหมาะกับโครงการ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดันให้นายหน้าสามารถปิดการขายได้รวดเร็วนอกจากนี้ Propfit ยังมีประสบการณ์ทำการตลาดให้กว่า 90 โครงการในเกือบทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ ผ่านแพล็ตฟอร์มดิจิทัล ที่มีข้อมูลลูกค้าครอบคลุมและอัปเดตอยู่ตลอดจึงเหมาะกับผู้ประกอบการฯ ที่เปิดโครงการใหม่ ที่ยังไม่เคยทำการตลาดจับกลุ่มลูกเป้าหมายในทำเลนั้นๆ มาก่อน ซึ่งจะช่วยให้ทำการตลาดขายได้เร็วขึ้นและใช้งบน้อยลง” นายฐิติพันธ์ กล่าว

 ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทเปิดตัว Propfit ในระยะเวลาเพียง 18 เดือน พบว่ามีการตอบรับที่เกินความคาดหมาย โดยได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งอสังหาฯ รายใหญ่อาทิ เอพีอนันดาพฤกษา และแสนสิริ ฯลฯ และบริษัทพัฒนาอสังหาฯ รายกลาง อาทิ Asset 5 และ Divine Development รวมทั้งเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจร่วมงานกับบริษัทมากกว่า 900 รายและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากโครงสร้างส่วนแบ่งคอมมิชชั่นที่สูงกว่าในระดับปกติและการสนับสนุนด้านแพล็ตฟอร์มการทำงาน

ที่ทำให้ปิดดีลได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงรายการอสังหาริมทรัพย์ในสต๊อกกว่า  8,000 รายการ และรับลูกค้าจากระบบเพื่อเริ่มปิดการขายได้ทันทีโดยล่าสุด Propfit สามารถทำยอดขายคอนโดมิเนียมแล้วคิดเป็นมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทในระยะเวลาเพียง ปีครึ่ง ซึ่งนับเป็นบทพิสูจน์ถึง Business model ใหม่ที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจได้โดยไม่มีข้อจำกัด นอกจากนี้บริษัทยังได้วางเป้าหมายทางธุรกิจ โดยการ “ตั้งเป้าเป็นเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ภายในระยะเวลา 2 ปี” โดยในปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 3,200 ล้านบาท

www.mitihoon.com