กองทรัสต์ AIMIRT จ่ายเงินปันระหว่างกาล 0.2205 บาทต่อหน่วย ก่อนเพิ่มทุนครั้งที่ 2

86

มิติหุ้น – นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ เมษายน – 9 กรกฎาคม 2564 และจากกำไรสะสมที่เกิดขึ้นก่อนการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.2205 บาทต่อหน่วย เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 (Book Closing Date) และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 30 กรกฎาคม นี้ ส่งผลให้นับตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ถึงปัจจุบัน ได้จ่ายเงินปันผลแล้วในอัตรารวมทั้งสิ้น 2.8215 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสและตอกย้ำอัตราผลตอบแทนที่โดดเด่น 

               สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ซึ่งจะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ประเภทอาคารคลังสินค้าที่มีคุณภาพในทำเลที่โดดเด่น โครงการ จำนวน 16 ยูนิต มีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 117,338 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1) กรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้า จำนวน ยูนิต ของโครงการทิพย์ และโครงการทิพย์ (ส่วนลงทุนเพิ่มเติม) จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ให้เช่ารวม 35,774 ตารางเมตร จากกลุ่มบริษัท ทิพย์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ก่อนหน้านี้ 2) กรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้า จำนวน ยูนิต ของโครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ จังหวัดสมุทรปราการ จากบริษัท ทู ไทเกอร์ พร็อพ จำกัด พื้นที่ให้เช่ารวม 43,481 ตารางเมตร และ 3) สิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ในอาคารคลังสินค้า จำนวน ยูนิต ของโครงการไทยแทฟฟิต้า จังหวัดระยอง จากบริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด พื้นที่ให้เช่ารวม 38,083 ตารางเมตร โดยทรัพย์สินใหม่ทุกโครงการมีอัตราเช่าพื้นที่เต็ม 100% และอยู่ในทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์  

               ทั้งนี้ ภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติม กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 268,364 ตารางเมตร และมีความจุของถังเก็บสารเคมีเหลวให้เช่ารวม 85,580 กิโลลิตร โดยมีสัดส่วน  การลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) เพิ่มขึ้นเป็น 61% และการลงทุนในรูปแบบสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) อยู่ที่ 39% นอกจากนี้ บริษัทฯ ประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทน (Dividend Yield) แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม อ้างอิงข้อมูลจากประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ต่อหน่วย สำหรับงวด 12 เดือน ในช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 0.8927/1  บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 7.5%/1 (คำนวณจากราคาทรัพย์สินที่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมที่ 2,280 ล้านบาท ราคาหน่วยทรัสต์ที่จะออกและเสนอขายที่ 11.90 บาทต่อหน่วย และเงินกู้ยืมจำนวน 300 ล้านบาท). 

                    “กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีนโยบายขยายการลงทุนในทรัพย์สินใหม่ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้ให้กับกองทรัสต์ ปัจจุบันกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีทรัพย์สินในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งอาคารคลังห้องเย็น อาคารคลังสินค้า อาคารโรงงาน และถังเก็บสารเคมีเหลว โดยการเพิ่มทุนครั้งที่ จะทำให้มีการกระจายสัดส่วนการลงทุนในทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ ที่ดียิ่งขึ้นและมีกลุ่มผู้เช่าที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ในระยะยาว” นายอมร กล่าว  

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่มั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะกองทรัสต์ในกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากสถานการณ์ COVID19 ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานและอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับที่ดี ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ นับตั้งแต่จดทะเบียนในปี 2561 ถึงปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาส แสดงถึงคุณภาพของทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าในระดับที่ดีแม้ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว  

สำหรับจุดเด่นของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ คือมีการกระจายตัวของทรัพย์สินในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและการคมนาคมขนส่งที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีสัดส่วนการลงทุนของทรัพย์สินทั้งประเภทกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) รวมถึงมีประวัติผลการดำเนินงานและการจ่ายผลตอบแทนในระดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยนับจากกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2561 ถึง ไตรมาส 1/2564 กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและราคาหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นรวม 44 

นายกฤชกร นนทะนาคร ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 2,280 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 172,268,908 หน่วย คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,980 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินประมาณ 300 – 600 ล้านบาท โดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 172,268,908 หน่วย แบ่งเป็น 1) เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม (Preferential Public OfferingPPO) ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ (Record Date) ในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ในสัดส่วนประมาณ 80% ของจำนวนหน่วยทรัสต์ที่เสนอขายในครั้งนี้ หรือประมาณ 137,815,126 หน่วย กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิ์จองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.3233 หน่วยทรัสต์ใหม่ เตรียมเสนอขายในวันที่ – กรกฎาคม 2564 (ในเวลาทำการ) ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ และระบบจองซื้อออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ https://moneyconnect.krungthai.com หรือแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT 

และ 2) เสนอขายประชาชนทั่วไป (Public OfferingPO) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบัน บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยสามารถจองซื้อได้ในวันที่ – 9 และ 12 – 13 กรกฎาคมนี้ (ในเวลาทำการ) ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ (ระบบจองซื้อออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) https://moneyconnect.krungthai.com หรือแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT จองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ – 13 กรกฎาคมนี้) 

ทั้งนี้ หลังจากจัดสรรหน่วยทรัสต์ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมตามสิทธิที่ได้รับจัดสรรแล้ว บริษัทฯ จะจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมที่เหลือให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่จองซื้อหน่วยทรัสต์เกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรตามที่เห็นสมควร พร้อมกับหรือภายหลังการจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไปหรือไม่ก็ได้ โดยผู้จองซื้อทุกรายจะต้องชำระเงินจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 11.90 บาทต่อหน่วย และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ภายหลังจากการสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Book building) ซึ่งกรณีที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์สุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะคืนเงินส่วนต่างแก่ผู้จองซื้อทุกราย และคาดว่าบริษัทฯ จะนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนกรกฎาคม 2564   

  www.mitihoon.com