มิติหุ้น – นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 9 กรกฎาคม 2564 และจากกำไรสะสมที่เกิดขึ้นก่อนการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.2205 บาทต่อหน่วย เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 (Book Closing Date) และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 30 กรกฎาคม นี้ ส่งผลให้นับตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ถึงปัจจุบัน ได้จ่ายเงินปันผลแล้วในอัตรารวมทั้งสิ้น 2.8215 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสและตอกย้ำอัตราผลตอบแทนที่โดดเด่น
สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ซึ่งจะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ประเภทอาคารคลังสินค้าที่มีคุณภาพในทำเลที่โดดเด่น 3 โครงการ จำนวน 16 ยูนิต มีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 117,338 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1) กรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้า จำนวน 8 ยูนิต ของโครงการทิพย์ 5 และโครงการทิพย์ 8 (ส่วนลงทุนเพิ่มเติม) จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ให้เช่ารวม 35,774 ตารางเมตร จากกลุ่มบริษัท ทิพย์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ก่อนหน้านี้ 2) กรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้า จำนวน 4 ยูนิต ของโครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ จังหวัดสมุทรปราการ จากบริษัท ทู ไทเกอร์ พร็อพ จำกัด พื้นที่ให้เช่ารวม 43,481 ตารางเมตร และ 3) สิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ในอาคารคลังสินค้า จำนวน 4 ยูนิต ของโครงการไทยแทฟฟิต้า จังหวัดระยอง จากบริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด พื้นที่ให้เช่ารวม 38,083 ตารางเมตร โดยทรัพย์สินใหม่ทุกโครงการมีอัตราเช่าพื้นที่เต็ม 100% และอยู่ในทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์
ทั้งนี้ ภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติม กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 268,364 ตารางเมตร และมีความจุของถังเก็บสารเคมีเหลวให้เช่ารวม 85,580 กิโลลิตร โดยมีสัดส่วน การลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) เพิ่มขึ้นเป็น 61% และการลงทุนในรูปแบบสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) อยู่ที่ 39% นอกจากนี้ บริษัทฯ ประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทน (Dividend Yield) แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม อ้างอิงข้อมูลจากประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ต่อหน่วย สำหรับงวด 12 เดือน ในช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 0.8927/1 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 7.5%/1 (คำนวณจากราคาทรัพย์สินที่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมที่ 2,280 ล้านบาท ราคาหน่วยทรัสต์ที่จะออกและเสนอขายที่ 11.90 บาทต่อหน่วย และเงินกู้ยืมจำนวน 300 ล้านบาท).
“กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีนโยบายขยายการลงทุนในทรัพย์สินใหม่ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้ให้กับกองทรัสต์ ปัจจุบันกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีทรัพย์สินในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งอาคารคลังห้องเย็น อาคารคลังสินค้า อาคารโรงงาน และถังเก็บสารเคมีเหลว โดยการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 จะทำให้มีการกระจายสัดส่วนการลงทุนในทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ ที่ดียิ่งขึ้นและมีกลุ่มผู้เช่าที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ในระยะยาว” นายอมร กล่าว
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่มั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะกองทรัสต์ในกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากสถานการณ์ COVID–19 ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานและอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับที่ดี ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ นับตั้งแต่จดทะเบียนในปี 2561 ถึงปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาส แสดงถึงคุณภาพของทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าในระดับที่ดีแม้ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว
สำหรับจุดเด่นของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ คือมีการกระจายตัวของทรัพย์สินในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและการคมนาคมขนส่งที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีสัดส่วนการลงทุนของทรัพย์สินทั้งประเภทกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) รวมถึงมีประวัติผลการดำเนินงานและการจ่ายผลตอบแทนในระดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยนับจากกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2561 ถึง ไตรมาส 1/2564 กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและราคาหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นรวม 44%
นายกฤชกร นนทะนาคร ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 2,280 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 172,268,908 หน่วย คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,980 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินประมาณ 300 – 600 ล้านบาท โดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 172,268,908 หน่วย แบ่งเป็น 1) เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม (Preferential Public Offering: PPO) ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ (Record Date) ในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ในสัดส่วนประมาณ 80% ของจำนวนหน่วยทรัสต์ที่เสนอขายในครั้งนี้ หรือประมาณ 137,815,126 หน่วย กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิ์จองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.3233 หน่วยทรัสต์ใหม่ เตรียมเสนอขายในวันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2564 (ในเวลาทำการ) ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ และระบบจองซื้อออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ https://moneyconnect.krungthai.com หรือแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
และ 2) เสนอขายประชาชนทั่วไป (Public Offering: PO) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบัน บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 5 – 9 และ 12 – 13 กรกฎาคมนี้ (ในเวลาทำการ) ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ (ระบบจองซื้อออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) https://moneyconnect.krungthai.com หรือแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT จองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 13 กรกฎาคมนี้)
ทั้งนี้ หลังจากจัดสรรหน่วยทรัสต์ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมตามสิทธิที่ได้รับจัดสรรแล้ว บริษัทฯ จะจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมที่เหลือให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่จองซื้อหน่วยทรัสต์เกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรตามที่เห็นสมควร พร้อมกับหรือภายหลังการจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไปหรือไม่ก็ได้ โดยผู้จองซื้อทุกรายจะต้องชำระเงินจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 11.90 บาทต่อหน่วย และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ภายหลังจากการสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Book building) ซึ่งกรณีที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์สุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะคืนเงินส่วนต่างแก่ผู้จองซื้อทุกราย และคาดว่าบริษัทฯ จะนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนกรกฎาคม 2564
www.mitihoon.com