ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ หรือ COTTO โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ COTTO ปีนี้จะเร่งตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจพลังงานทดแทน หรือโซลาร์รูฟท็อป ที่ปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะรับรู้รายได้เข้ามา โดยคาดจะมียอดขายราว 5% ของยอดขายรวม
ส่วนไตรมาส 2/64 จะเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากความต้องการในตลาดเร่งตัวเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานที่บ้านทำให้ผู้บริโภคหันมาซ่อมแซมและตกแต่งบ้านมากขึ้น ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/63 นับเป็นช่วงที่รายได้ปรับตัวลดลงอย่างมากจากผลประทบโควิด-19 โดยแนวโน้มดีมานด์ในตลาดช่วงครึ่งปีหลังมีสัญญาณที่ดี จากการเร่งกระจายฉีดวัคซีน
ด้านยอดขายในตลาดต่างประเทศ CLM ยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ดีพอสมควร ยกเว้นในเมียนมาร์ที่มีปัญหาการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ COTTO จะเร่งตัวขึ้นอย่างมากในอนาคตตามการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้น และการขยายฐานไปยังตลาดต่างประเทศ รวมถึงการขยายช่องทางการขาย ซึ่งบริษัทมีแผนขยายสาขาให้ครบ 100 สาขาตามเป้า โดยในระยะกลาง-ยาว ราคาเป้าหมายระดับ 4 บาท
ด้านนายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 450-500 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ และลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยในไตรมาสแรกใช้ไปแล้วจำนวน 38 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุม โดยไตรมาสแรกของปี 64 มีการขยายคลังเซรามิกมากถึง 7 สาขา สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 5 สาขา ทำให้ในไตรมาส 1/64 มีสาขารวมทั้งสิ้น 47 สาขา ซึ่ง COTTO มีแผนขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา ภายในปี 66
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับโชว์รูมเป็นรูปแบบ ONE Stop Service Solution ภายใต้ชื่อแบรนด์ COTTO Life ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ โดยรูปแบบดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา, การออกแบบ การคัดเลือกสินค้า จนไปถึงการบริการติดตั้ง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต อีกทั้งยังพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับเซรามิคอย่างต่อเนื่อง
