จากความคืบหน้ากรณีวัคซีนทางเลือก รพ.เอกชนล่าสุดที่องค์การเภสัชกรรมกำหนดช่วงเวลาเซ็นสัญญาซื้อวัคซีนจาก บ.ซิลลิค ฟาร์มา 23 ก.ค. นี้ จากการสำรวจของ ฝ่ายวิจัย “บล.เอเชีย พลัส” กับ รพ.บางแห่งที่ฝ่ายวิจัยดูแล กอปรกับ จากกระแสข่าวการจัดสรรวัคซีน Moderna ให้รพ.เอกชนในโซเชียล มีเดียล่าสุด ถืออยู่ในว่าเกณฑ์ที่ค่อนข้างจะสอดคล้องกัน ซึ่งหากอิงข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว พบว่า การกระจายวัคซีนลอตแรก 3.9 ล้านโดส เบื้องต้นคาดว่าการจัดสรรจะแบ่งตามสัดส่วนการสั่งซื้อ
พบว่าผู้ที่มีการสั่งซื้อและได้รับจัดสรรสูงสุด คือ BCH, THG, BDMS และ CHG อยู่ที่ 1.36, 0.68, 0.24 และ 0.19 ล้านโดส ตามลำดับ ขณะที่ในส่วนของ PR9, RJH และ BH อยู่ที่ 3.5, 2.6 และ 1.8 หมื่นโดส
ภาพรวมประเมินเป็น Sentiment บวกต่อรพ.ที่ได้รับการจัดสรรสูง อย่าง BCH และ CHG
ทั้งนี้ หากกำหนดให้ในส่วนของวัคซีนลอตที่ 2 รวม 1.1 ล้านโดส ที่จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 1/65 มีสัดส่วนการจัดสรรเหมือนลอตแรก ภายใต้สมมติฐานวัคซีนรวม 5 ล้านโดสดังกล่าว (ยังไม่รวมลอตที่ 3 ราว 5 ล้านโดส) ราคาวัคซีนที่ 1.65 พันบาท/โดส และ Net profit margin ที่ 10% จะเป็นผลบวกต่อ BCH และ CHG มากสุด จากฐานกำไรที่เล็ก โดยคิดเป็นกำไรปี 2564 ที่เพิ่มขึ้น 9.7% และ 3% (เพิ่มเติมดังตาราง) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยจะติดตามข้อมูลการจัดสรรจริงอีกครั้ง ก่อนปรับรวมในประมาณการและมูลค่าหุ้น
จากกระแสข่าวดังกล่าว น่าจะเป็นประเด็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มรพ.โดยเฉพาะ BCH และ CHG จาก Upside เพิ่มเติมดังกล่าว กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร BCH ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด ประกอบกับ กำไรที่จะ New High ในงวดไตรมาส 2/64
ขณะที่การลงทุนระยะกลาง – ยาว ยังชอบ BDMS จากความต่อเนื่องของกำไรปี 2565 ที่คาดหวังได้ชัดเจนกว่า
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้
