มุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์ Weekly Investment View วันที่ 19-23 ก.ค.2564

51
มิติหุ้น – ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนปิดที่ 1,574.37 ตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นเติบโตอย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้หุ้นที่เกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และการส่งออกปรับตัวขึ้น แม้ช่วงท้ายสัปดาห์จะปรับตัวลงจากแรงขายบางส่วนก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 เดือน ช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่ม SMEs และรายย่อยที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 รายต่อวันเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ทางภาครัฐได้มีการยกระดับมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะด้านการจำกัดการเคลื่อนที่ของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ และสั่งปิดสถานที่มากมาย นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการชุมนุมทางการเมืองที่อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนในระยะข้างหน้าและอาจส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดทวีความรุนแรงขึ้นได้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยอาจต้องติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรอจังหวะการลงทุนในระยะต่อไป
ตลาดหุ้นต่างประเทศ
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณการพักฐานจากแรงกดดันของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ ภูมิภาค โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย ทำให้รัฐบาลในหลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดและมีการประกาศล็อกดาวน์ไปแล้วในบางพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ ปรับตัวพุ่งสูงสุดในรอบหลายปีที่ระดับ 5.4% (YoY) อย่างไรก็ตาม ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงยืนยันที่จะคงนโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายต่อไปและคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2021 โดยรวมยังเติบโตได้ดีอยู่ เราเชื่อว่าการพักฐานน่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นและยังคงแนะนำให้ทยอยสะสมในหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นกลุ่มเติบโตที่น่าจะกลับมาทำได้ดีในช่วงหลังจากนี้
ตลาดตราสารหนี้
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุคงเหลือ 10 ปี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวลง 6.92 bps สู่ระดับ 1.292 % โดยการปรับตัวลงของผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยกดดันในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งตัวของผู้ติดเชื้อทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาอีกทั้งการเผยตัวเลขเศรษฐกิจอย่าง ดัชนีอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังคงเร่งตัวสูงต่อเนื่องเกินกว่ากรอบที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตั้งไว้ที่ 2% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลในภูมิภาคยุโรปมีการปรับตัวลงเช่นเดียวกัน โดยปัจจัยหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ที่มีการเร่งตัวขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมในหลายพื้นที่ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำยังคงแนะนำรักษาสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง โดยแนะนำลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ Investment Grade เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำ
ตลาดสินทรัพย์ทางเลือก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 1,815.0 ดอลลาร์ สรอ./ออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำปรับตัวบวกได้ในช่วงต้นสัปดาห์หลัง FED แถลงต่อสภาคองเกรสว่าจะยังคงใช้นโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายต่อไปเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีมุมมองต่อเงินเฟ้อว่าเป็นเพียงภาวะชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายสัปดาห์ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงหลังสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail Sales) ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ราคาทองคำยังถูกกดดันจากการรายงานของกองทุน SPDR Gold Trust ได้ลดการถือครองทองคำลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน แนะนำคงสัดส่วนการลงทุน 3-5% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 71.56 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล ปรับตัวลดลง 3.69% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันหลังซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถบรรลุข้อตกลงในการผลิตน้ำมัน โดยจะมีการปรับเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันขั้นต่ำของ UAE สู่ระดับ 3.65 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ระดับ 3.17 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ของ EIA ที่ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ สะท้อนถึงอุปสงค์ที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนะนำแบ่งขายทำกำไรที่ระดับ 75 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล หากราคามีการปรับตัวขึ้นมา
สัปดาห์ที่ผ่านมา Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวลดลงสอดคล้องกัน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าในหลายประเทศเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น บวกกับการแถลงของ FED ที่มองว่าเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นมาเป็นเพียงภาวะชั่วคราวและจะยังคงนโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายต่อไป ทำให้เห็นแรงกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรอีกครั้ง ด้าน REIT Yield ทรงตัว มีเพียง TH REITs ปรับตัวลดลงหลังตลาดเกิดการ Technical Rebound ขึ้นมา จากการเร่งนำเข้าวัคซีนทางเลือกของหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อที่ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถพักชำระหนี้ไป 2 เดือน ขณะที่ Yield Spread ของ REIT ทั่วโลกยังคงมีมูลค่าที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี แนะนำคงสัดส่วนการลงทุน

🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้

https://lin.ee/cXAf0Dp