ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทยออยล์ (TOP) โดย นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ขอแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการลงทุนโดยตรงของบริษัทฯ(ผ่านการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน) ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (“CAP”) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรชั้น นำรายใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐอินโดนีเซียอันเป็นตลาดปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดและมีการเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ASEAN) มีโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจร ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีและโรงงานระดับโลกที่ ทันสมัย และเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียวในสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ทำการผลิตโอเลฟินส์ (Olefins) และพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) คุณภาพสูงอีกท้้งยังเป็น
ผู้ผลิตสไตรีนโมโนเมอร์ (Styrene Monomer) และบิวทาไดอีน (Butadiene) เพียงแห่งเดียวในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยบริษัทฯ จะลงทุนผ่านบริษัทย่อยที่จัดต้ังข้ึนใหม่ (“บริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่”) คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 15.38ของหุ้นทั้งหมดของ CAP (“ธุรกรรมการลงทุนในหุ้น”)
คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมการลงทุนในหุ้นโดยมีมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 39,116 ล้านบาท บริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 15.00ของหุ้นท้้งหมดของ CAP ในราคาท้้งสิ้นไม่เกิน 914 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 30,222 ล้านบาทด้วยวิธีการ (1) จองซื้อหุ้นใหม่ตาม การใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนใน CAP (“สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน”) ในการนี้บริษัท ฯ จะเข้าซื้อสิทธิจาก1) PT Barito Pacific Tbk 2) Marigold Resources Pte Ltd. และ 3) Mr. Prajogo Pangestu (“ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิม”) และจะใช้สิทธิสูงสุดตามจำนวนสิทธิในการซื้อหุ้น เพิ่มทุนที่บริษทั ฯ มีสิทธิ
โดยจำนวนหุ้น ทั้งหมดที่ซื้อจะขึ้นอยู่กับการจองซื้อหุ้น จากผู้ถือหุ้นทั่วไปของ CAP (2) เข้าซื้อโดยบริษัทฯ จะทำ หน้าที่เป็นผู้ซื้อสำรองในการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน (Standby Purchaser) เพื่อเข้าซื้อและใช้สทธิทั้งหมดที่ยังไม่ได้ใช้และ (3) เขาซื้อหุ้นเดิม (Secondary Share)มาจาก Mr. Prajogo Pangestu ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ CAP ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องลงทุนเพิ่มเติม (Top Up) ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อละ15ของหุ้นทั้งหมดของ CAP สำหรับสัดส่วนที่แน่นอนในการเข้าซื้อหุ้น ของบริษัท ฯ ผ่านการใช้สิทธิจองซื้อหุ้น เพิ่มทุนตามสัดส่วน และจาก Mr. Prajogo Pangestu นั้น จะขึ้นอยู่กับการจองซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น ทั่วไปของ CAP
2) นอกจากนี้ภายในระยะเวลา5 ปีนับ จากวันที่ทำธุรกรรมสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนแล้วเสร็จ บริษัทฯจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในสัดส่วนร้อยละ 0.38 ของหุ้น ท้้งหมดของ CAP โดยหาก CAP มีการอนุมัติการลงทุนในการพัฒนาและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีของ CAP2 (“การอนุมัติการลงทุน”) ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ทำธุรกรรมสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนแล้วเสร็จ ค่าหุ้นจะมีมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 270ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 8,928 ล้านบาท หรือหากไม่มีการอนุมัติการลงทุนภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ทำธุรกรรมสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนแล้วเสร็จค่าหุ้นจะมีมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 3.9ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 129ล้านบาท โดยคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องจะกำหนดวิธีการลงทุนในครั้งต่อๆ ไปในภายหลัง โดยจะต้องได้รับการอนุมัติรับรองจากผู้ถือหุ้น CAP และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพื่อให้บริษัทฯ ถือหุ้น ในสัดส่วนร้อยละ 15.38ของหุ้น ทั้งหมดของ CAP ซึ่งเป็นสัดส่วนภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม
ทั้งนี้เนื่องจากเงินลงทุนของบริษัทฯ จะนำไปใช้จ่ายเฉพาะเพื่อการพัฒนาและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีของ CAP2 เท่านั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าจะมีการอนุมัติการลงทุนหรือไม่ ดังน้ัน บริษัทฯ จึงวางโครงสร้างการทำธุรกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทฯ จะชำระเงินลงทุนเพิ่มเติมเป็นจำนวนไม่เกิน 270ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8,928ิ ล้านบาท ก็ต่อเมื่อมีการอนุมัติการลงทุนสำหรับการพัฒนาและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีของ CAP2แล้วเท่านั้น
หลังเสร็จสิ้นธุรกรรมการลงทุนในหุ้นแล้ว บริษัทฯ จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น รายใหญ่ของ CAP โดยถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 15.38ของหุ้น ทั้งหมดใน CAP บริษัทฯ จะสามารถบันทึกบัญชีเพื่อรับรู้การลงทุนใน CAP ได้โดยใช้ วิธีการบันทึกบัญชีแบบวิธีส่วนได้เสีย Equity Method
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้