มิติหุ้น – นายวรรธนะ เจริญนวรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (VNG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,052 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 35.69 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 2,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,054 ล้านบาท หลังต่างชาติทยอยเปิดประเทศ ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 315% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 219 ล้านบาท
“ถือเป็นการตอกย้ำการกลับมาเทิร์นอะราวด์เต็มรูปแบบของ VNG หลังวิกฤตการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา จนถึงวิกฤต Covid-19 โดยมั่นใจว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้รายได้และกำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ พยายามเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และ Product Mix ที่ราคาสูงกว่าสินค้า Core products เดิมอย่าง MDF Board และ Particle board เช่นไม้แบบก่อสร้าง หรือ Concrete Forming Plywood ที่มีโรงงานผลิตที่มีความทันสมัย และใหญ่สุดในประเทศไทย ซึ่งสามารถทดแทนการนำเข้ากว่าปีละ 10,000 ล้านบาท โดยเน้นขายในประเทศ”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและสนับสนุนกลุ่มบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา เพื่อให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 สิงหาคม 2564
สำหรับแผนการลงทุนธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้ในปี 2564 นายวรรธนะ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่สนับสนุนวงเงินให้กับ “บริษัท วนชัย พาเนล อินดัสทรี่ส์ จำกัด” (บริษัทย่อย) ในการผลักดัน (1) โครงการโรงงานผลิตแผ่นไม้อัด (Concrete Forming Plywood) (2) โครงการโรงงานปิดผิวไม้ MDF และ PB เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และ (3) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการลดต้นทุนและสร้างรายได้ของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ของโลกเริ่มควบคุมได้ และกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผลักดันยอดขายไปต่างประเทศในช่วง ไตรมาส 3/64 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4/64 จะได้รับแรงหนุนจากยอดขาย OSB (Oriented Strand Board) และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งถือเป็น New Growth Driver ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2564 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ในปี 2565 จะสามารถเดินการผลิตแผ่น OSB ได้อย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ที่มีคุณภาพสูง เป็น New Growth Driver ของปี 2565
กรรมการผู้จัดการ VNG กล่าวอีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น กลุ่มบริษัทฯ ขอขอบคุณราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ช่วยผลักดันนำเข้าวัคซีน Sinopharm โดยบริษัทฯได้จัดซื้อวัคซีนดังกล่าวและนำมาฉีดให้บุคลากร 5,000 คน ได้ครบ Fully 100% Vaccinated
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้
https://lin.ee/cXAf0Dp