รู้ทันการลงทุน กับ KGI (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์)
ภาพรวมดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมาแม้จะมีปัจจัยกดดันจากรายงานประชุม Fed ว่ามีโอกาสที่ Fed จะลดวงเงินซื้อพันธบัตรในมาตรการ QE ลงภายในปีนี้ แต่ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว Sideway ได้แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นโลก ตามความคาดหวังสถานการณ์โควิด-19 ในไทยที่เริ่มทรงตัว ประเมินกรอบ SET index สัปดาห์นี้ แนวรับ 1535 จุด และ 1520 จุด / แนวต้าน 1565 – 1580 จุด
ประเด็นเรื่องความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับลงแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ Fed เริ่มลดวงเงิน QE เช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 2556 นั้น เราประเมินว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นน้อย Downside สำหรับตลาดหุ้นไทยน่าจะจำกัด เนื่องจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยพิจารณาจากเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไทยจากมาตรการ QE ในปี 2551 – 2555 นั้นเป็นยอดซื้อสุทธิสะสมสูงราว +6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจากมาตรการ QE รอบล่าสุดที่ประกาศใช้ในช่วงเดือน มี.ค.2563 นั้น กลับแทบที่จะไม่ได้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่าไหร่นัก
โดยในช่วงเดือน เม.ย.2563 – ก.ค.2564 นั้น ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสะสมไปถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นความเสี่ยงที่จะเกิดกระแสเงินทุนไหลออกจำนวนมหาศาลเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 2556 นั้นจึงมีโอกาสที่น้อย (ในปี 2556 เพียงปีเดียว ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทนสะสมรวม 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แม้ Downside จะจำกัด แต่เราประเมิน Upside ของตลาดหุ้นไทยก็จะถูกจำกัดด้วยเช่นกัน เนื่องจากคงไม่สามารถคาดหวังเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจำนวนมากได้ในช่วงที่สหรัฐฯเริ่มทยอยลดวงเงิน QE อย่างไรก็ดีเราประเมินว่าหากสถานการณ์โควิด-19 ในไทยเริ่มคลี่คลายในช่วงปลายปีนี้ มีโอกาสที่จะเกิดการหมุนเงินลงทุนจากตลาดสหรัฐฯและตลาดหุ้นฝั่งตะวันตกที่ปรับขึ้นมากแล้ว มายังตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ยัง Laggard อยู่
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ เราประเมินขณะนี้นักลงทุนกำลังประเมินสถานการณ์โควิด-19 ในไทยว่าน่าจะผ่านช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดไปแล้ว ทำให้เริ่มมีแรงช้อนซื้อกลับในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีม Re-opening อาทิ หุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPN CRC) หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (MINT, SHR, ERW) เป็นต้น นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ดี เรายังคงประเมินหุ้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นใน 2H64 แม้ระยะสั้นราคาหุ้นจะถูกขายทำกำไรเพื่อหมุนกลุ่มเล่นมายังหุ้นกลุ่ม Re-opeing ก็ตาม
ดังนั้นแนะนำทยอยสะสมหุ้นกลุ่มขนส่ง (RCL, LEO, III) และหุ้นกลุ่มโรงกลั่น (PTTGC, IRPC, TOP) เป็นต้น และรวมถึงหุ้น Mid-small cap ที่ถูกขายทำกำไรลงมาช่วงรายงานผลการดำเนินงาน 2Q64 ก็น่าสนใจที่จะทยอยสะสม โดยเฉพาะหุ้นที่ผลการดำเนินงาน 2H64 จะยังโตเด่น อาทิ SIMAT, PSTC, ILINK เป็นต้น
