มิติหุ้น – นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ คือ รายได้ที่ลดลง มีสาเหตุมาจากปัญหาด้านตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศทิ่ปิดตัวลง ข้อจำกัดในการเดินทางทำให้การเข้าพื้นที่ไปรับซื้อผลผลิต การขนส่งมีความยุ่งยากไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ส่งผลให้มีผลผลิตตกค้างทำให้ราคาตกต่ำ จากปัญหาดังกล่าวท็อปส์และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาท็อปส์ ได้รับซื้อผลผลิตตรงกับเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิดครั้งนี้ไปได้ จึงได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการ เพิ่มปริมาณการรับซื้อผลไม้ตามฤดูกาลที่ประสบปัญหาจากโควิด 4 รายการ ได้แก่ ลำไย เงาะ ลองกอง มังคุด เพิ่มขึ้นจากเดิม 35 % ซึ่งขณะนี้ผลผลิตมีปริมาณมาก ราคาหน้าสวนตกต่ำกว่าปีก่อน โดยทีมจัดซื้อประจำภูมิภาคซึ่งเป็นเสมือนทีมเคลื่อนที่เร็ว จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือรับซื้อตรงผลผลิตจากสวนในราคายุติธรรม พร้อมทั้งขจัดปัญหาด้านการขนส่งโดยใช้รถขนส่งสินค้าท็อปส์รับผลผลิตมายังศูนย์กระจายสินค้าอาหารสด ทำให้ลดภาระค่าขนส่ง การเดินทางและลดความเสี่ยงในการเดินทางข้ามจังหวัดของเกษตรกรด้วย โดยผลผลิตทางการเกษตรจะนำมาจำหน่ายที่ร้านท็อปส์ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ www.tops.co.th และ แอปพลิเคชัน Grab สามารถกระจายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ท็อปส์ได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมังคุด ลองกอง เงาะ ลำไย กว่า 1,220 ราย
นอกจากนั้นท็อปส์ ยังได้เข้าร่วม โครงการ “เกษตรกร Happy” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนความร่วมมือส่งเสริมการขายผลไม้ไทยกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงเกษตรกรกับบริษัทได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ทางด้านเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิดอย่าง นางวิลาวัณย์ รูบแกะ เจ้าของสวนลองกอง จากจังหวัดยะลา ได้กล่าวถึงปัญหาที่ประสบในปีนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ปีนี้ ผลไม้โดยเฉพาะลองกองขายแทบไม่ได้ราคาเลย ราคาหน้าสวนลดลงกว่าร้อยละ 50 ซึ่งตอนนี้ทางท็อปส์ช่วยรับซื้อผลผลิตจากสวนของเรามากที่สุด และช่วยพยุงราคาให้สูงขึ้นได้ตามที่ควรจะเป็น โดยผลผลิตที่ทางสหกรณ์ส่งให้ จะเป็นเกรดคุณภาพ ส่วนตัวมองว่าท็อปส์เป็นตลาดที่ดี นอกจากนั้นทีมงานของท็อปส์ยังมีการแนะนำสมาชิกสหกรณ์เกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้นเพื่อขยายผล นำไปขายในช่องทางอื่น ๆ รวมถึงมีการอบรมให้ความรู้ทุกปี”
สอดคล้องกับ นายสุขสันต์ ภู่วัฒนา เจ้าของสวนเงาะบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สะท้อนถึงวิกฤตที่คนต้นน้ำกำลังเผชิญ โดยระบุว่า “ปัญหาโควิดในครั้งนี้ถือว่าเดือดร้อนหนักที่สุดในรอบ 18 ปี ทั้งด้วยเรื่องตลาดและเรื่องแรงงาน บวกกับปีนี้ผลผลิตมีปริมาณมากสวนทางกับตลาดรองรับ ทำให้ยอดขายและราคาต่ำลง เงาะทั่วไปราคาต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณร้อยละ 40 แต่ท็อปส์ก็ยังเป็นคู่ค้าที่ดีมาตลอด โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมาทาง ท็อปส์ช่วยเหลือเยอะมาก ทั้งช่วยพัฒนาผลผลิต ช่วยพัฒนาคุณภาพเงาะทำให้ขายผลิตผลได้ในราคาที่สูงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังช่วยด้านการระบายสินค้าอีกด้วย”
ในขณะที่ นายสุเนตร อินต๊ะพิงค์ เจ้าของสวนลำไยในจังหวัดลำพูน ระบุว่า “ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากที่ไม่สามารถส่งออกลำไยไปต่างประเทศได้ ทำให้ตอนนี้ต้องขายตลาดภายในประเทศเท่านั้น ท็อปส์เข้ามาช่วยรับซื้อ โดยมีออเดอร์จากท็อปส์อย่างสม่ำเสมอ มีการทำแผนการตลาดรูปแบบใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วยให้ผลผลิตออกมาขายได้มากขึ้น อีกทั้งราคารับซื้อถือว่าเป็นไปอย่างยุติธรรม และตามกลไกตลาด ช่วงไหนที่เรามีผลผลิตในปริมาณมาก ก็สามารถคุยและวางแผนในการส่งลำไยได้ นอกจากนั้น ท็อปส์ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องภาชนะบรรจุ ทำให้เราลดต้นทุนได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ นายสเตฟาน ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ท็อปส์ได้ดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยมาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการลงพื้นที่ไปให้ความรู้เพื่อพัฒนาและต่อยอดสินค้า การรับซื้อตรงผลผลิตในราคายุติธรรม สนับสนุนช่องทางจำหน่ายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรไทยให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปได้ จึงอยากเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมอุดหนุน บริโภคผลไม้ไทยคุณภาพดีส่งตรงจากสวน ได้แล้ววันนี้ที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ สโตร์, ท็อปส์ เดลี่,เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท และท็อปส์ ออนไลน์