มิติหุ้น – นางไปรยา บุนนาค ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจตลาดต่างประเทศ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริ นับเป็นผู้บุกเบิกการขายอสังหาฯ ในต่างประเทศเป็นรายแรกของไทย
ครองใจแบรนด์อสังหาฯ ไทยในใจตลาดต่างชาติ มานานกว่า 8 ปี ส่งผลให้ได้รับความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมาโดยตลอด เห็นได้จากความสำเร็จในยอดโอนกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ดีอย่างต่อเนื่อง
โดยแชมป์โครงการคอนโดมิเนียมที่มียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติสูงสุด ได้แก่ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติถึง 1,600 ล้านบาท
โครงการโอกะ เฮาส์ มียอดโอนกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 1,200 ล้านบาท โครงการ XT เอกมัย มียอดโอนต่างชาติ 1,100 ล้านบาท และ XT ห้วยขวาง
ที่มียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติล่าสุด พุ่งไปถึง 60% จากจำนวนยูนิตที่ขายแล้ว หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 1,700 ล้านบาทและคาดว่าจะมียอดขายและยอดโอนเพิ่มมากขึ้นอีกในโครงการนี้
ภายหลังจากการเปิดประเทศ จากการเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่กลุ่มลูกค้าชาวจีนมีความคุ้นเคยดีอยู่แล้วและให้ความสนใจ
“ชาวจีนเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อและโอนโครงการของแสนสิริสูงสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 50% จากยอดขายรวมกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
รองลงมา คือ กลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกง คิดเป็น 30% และลูกค้าชาวไต้หวันและชาติตะวันตก เช่น สหราชอาณาจักร, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อเมริกา ฯลฯ อีกประมาณ 20%
โดยเหตุผลหลักในการซื้อของลูกค้าชาวจีนและฮ่องกง คือ เพื่อการลงทุน โดยให้ความสนใจโครงการในกรุงเทพฯ ในทำเลศักยภาพที่ต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในการปล่อยเช่าได้จริง
รวมทั้งโครงการในเมืองท่องเที่ยวในไทยที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราค่าเช่าในระดับที่น่าพอใจ ขณะที่ลูกค้าตะวันตกจะมองโครงการที่เป็นได้ทั้งเป็นบ้านพักตากอากาศ
และสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนสูงได้ในช่วงที่ไม่ได้มาพักอาศัย” นางไปรยา กล่าวสำหรับความสำเร็จด้านยอดขายจากตลาดต่างชาติในปีนี้ อาทิ โครงการ เดอะ มูฟ ราม 22 ที่แสนสิรินำไปโรดโชว์และกวาดยอดขายรอบ VIP ที่ฮ่องกงและไต้หวัน
ลูกค้าให้การตอบรับจำนวนมากจากการเป็นโครงการภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ทั้งจาก โลเคชั่นเด่นใจกลางย่านคอมมูนิตี้เมือง
ใกล้มหาวิทยาลัยและแหล่งงาน, โปรดักส์ที่ใช่ เป็นทั้งห้องพร้อมอยู่และมีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือ Facilities ที่ตอบโจทย์ ในราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มเพียง 1 ล้านต้นๆ’
ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจ จากการเป็นโครงการที่สามารถซื้อลงทุนปล่อยเช่าได้ง่าย เช่นเดียวกับโครงการเดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 ในทำเลเดียวกัน
ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและมียอดขายเกือบเต็มโควตาซื้อต่างชาติ นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแผนต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ เดอะ มูฟ ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
โดยเล็งนำโครงการ เดอะ มูฟ บางนา ไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน เป็นโครงการต่อไปอีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทำเลที่ตั้งโครงการ
ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ แหล่งงาน และสนามบินสุวรรณภูมิ เช่นเดียวกับโครงการ เดอะ เบส สะพานใหม่ และ โอกะ เฮาส์ ที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติมองว่ามีทำเลที่ดีและปล่อยเช่าได้จริง ส่งผลให้มีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจจำนวนมาก
นอกจากดีมานต์ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ต้องการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ในทำเลศักยภาพที่เชื่อมั่นในการปล่อยเช่าได้จริงแล้ว กลุ่มลูกค้าต่างชาติยังต้องการคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวทั้งในเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน ที่เป็นได้ทั้งเป็นบ้านพักตากอากาศและสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนสูงได้ในช่วงที่ไม่ได้มาพักอาศัย
เห็นได้จากความสำเร็จในยอดขายตลาดต่างชาติของคอนโดมิเนียม “EDGE Central Pattaya” (เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา) คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยาจำนวน 603 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท “ใช้ชีวิตให้ถึงขีดสุดกับคอนโดใจกลางพัทยา” พร้อมสระว่ายน้ำสีทองแชมเปญบนชั้นดาดฟ้า
พร้อมวิวอ่าวไทยที่ทอดยาวขนานสะกดสายตา สดชื่นด้วยสายลมพัดและทิวทัศน์อุ่นแดดจากสระว่ายน้ำหรือระเบียงส่วนตัว หรือเลือกผ่อนคลายในอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวบนระเบียงห้องของคุณเองกับเมืองที่ไม่เคยหลับไหล เพราะ Life is Less Ordinary at EDGE Central Pattaya ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท อยู่ฟรี 3 ปี แฮปปี้ 3 ต่อสบายใจทันที! 3 ปี ไม่ต้องจ่าย ทั้งฟรี แสนสิริผ่อนให้ 3 ปี* ฟรี ค่าส่วนกลางนาน 3 ปี* ฟรี เฟอร์นิเจอร์ครบเซ็ต* และกู้ไม่ผ่านคืนเงิน** รับโปรเต็มๆ ที่โครงการ เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา
โครงการพร้อมเข้าอยู่ในเดือนกันยายนโดยจะเริ่มโอนในวันที่ 4 – 5 กันยายนนี้ ทั้งนี้โครงการนี้มียอดขายแล้วเกือบ 70% โดยเป็นยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติถึงเกือบ 40%
และคาดว่าจะปิดการขายเต็ม Foreign Quota จากการที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติชื่นชอบในทำเลพัทยาและให้ความสนใจในเดอะ เบส เซ็นทรัล – พัทยา ที่ปิดการขายไปก่อนหน้าเป็นจำนวนมากขณะที่ ลา ฮาบานา หัวหิน อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวก็มียอดขายต่างชาติต่อเนื่องทั้งในกลุ่มลูกค้าจีนและกลุ่มลูกค้าชาติตะวันตกที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
รวมถึงดีมานต์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติในเชียงใหม่ ที่แสนสิริเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ที่เชียงใหม่ในปีหน้า รองรับดีมานต์ของกลุ่มลูกค้าต่างชาติอีกด้วยปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าต่างชาติมอบความเชื่อมั่นซื้อลงทุนในโครงการของคอนโดมิเนียมของแสนสิริ คือ 1.)ชื่อเสียงของแบรนด์แสนสิริที่เป็นที่ยอมรับมานานกว่า 37 ปี
ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ 2.)คุณภาพโครงการมาตรฐานสากลรวมทั้งการนำเสนอโครงการคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างชาติได้อย่างตรงจุดทั้งในการแง่การอยู่อาศัยและการลงทุน 3.) โครงการอยู่ในทำเลศักยภาพที่ต่างชาติเชื่อมั่นด้านการปล่อยเช่าได้จริง และ 4.)บริการครอบคลุมครบวงจรด้วยบริการหลังการขาย
แบบ Worry Free ที่ดูแลลูกค้าตั้งแต่ซื้อ โอน ปล่อยเช่า ขายต่อ ด้วยทีมขายและ Agents ศักยภาพ ผ่านการขายรูปแบบใหม่ทั้งทาง Virtual และ Live Streamingทั้งนี้ บริษัทยังชูกลยุทธ์หลักเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่างชาติโดยการเปิดสำนักงานขาย (Sales Gallery) ล่าสุดที่ประเทศจีนอีกด้วย
“แสนสิริเชื่อว่า ภายหลังวัคซีนทั่วถึงและมีการเปิดประเทศ ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ จะเร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤตโควิด–19 มามากกว่า 1 ปีขณะที่ศักยภาพเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป จะพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอีกครั้ง
ทั้งนี้จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งของแสนสิริและความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ แสนสิริได้วางเป้าหมายยอดโอนตลาดต่างชาติในช่วง 2 ปีไว้ที่ 10,000 ล้านบาทโดยเป็นยอดโอนที่ทำได้ในปีที่ผ่านมาแล้ว 5,000 ล้านบาท และเป้าโอนต่างชาติในปีนี้อีก 5,000 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริสามารถสร้างยอดโอนตลาดต่างชาติได้เกือบ 4,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 80% จากเป้าหมายยอดโอนต่างชาติในปีนี้ที่วางไว้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริตอกย้ำเบอร์หนึ่งแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยในใจต่างชาติ” นางไปรยา กล่าว