การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดกว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากระดับต่่าสุดที่ 1,512 จุด ในช่วงกลางเดือนส.ค. 64 มาปิดที่ 1,650.33 จุด ณ วันที่ 3 ก.ย.64 ส่งผลให้ SET และหุ้นหลายบริษัทเริ่มเข้าเขตซื้อมากเกินไป ในมุมของนักวิเคราะห์จึงแนะกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้เป็นจังหวะให้พิจารณา “ขายทำกำไร” ออกมาบางส่วน
สำหรับ บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดและราคาหุ้นหลายตัวขยับขึ้นมาสูงจนเข้าเขตซื้อมากเกินไป (overbought : RSI > 70) จึงเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น และตลาดน่าจะมีโอกาสที่จะปรับฐานลงไปที่ระดับ 1,600-1,620 จุด ก่อน ซึ่งหากตลาดมีการปรับฐานลง แนะนำให้ “ทยอยกลับเข้าสะสม” หุ้นพื้นฐานดี ที่ยังมี upside สูง อ้างอิงราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ Bloomberg consensus และเป็นหุ้นที่ทาง CGS-CIMB แนะนำ “ซื้อ” ประกอบไปด้วย
BTS มี upside 27% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 11.98 บาท
STEC มี upside 25% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 16.67 บาท
PTT มี upside 25% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 48.54 บาท
KBANK มี upside 25% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 154 บาท
BCH มี upside 24% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 28.00 บาท
BBL มี upside 23% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 144.85 บาท
SAPPE มี upside 23% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 33.56 บาท
PTTEP มี upside 22% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 138 บาท
CHG มี upside 20% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 4.44 บาท
TU มี upside 20% จากราคา เป้าหมายเฉลี่ยที่ 23.90 บาท
TIDLOR มี upside 20% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 47.84 บาท
ICHI มี upside 20% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 14.35 บาท
และ AP มี upside 20% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ย ที่ 9.92 บาท
ทั้งนี้ การขึ้นให้ทะลุ 1,650 จุด รอบนี้ คาดหุ้นในกลุ่มที่โตจากภายในไม่น่าจะหนุนได้มาก ดังนั้นตัวแปรสำคัญจะอยู่ที่หุ้นกลุ่มพลังงาน (นอกนั้นจะเป็นผลิตไฟฟ้า) หากมีแรงหนุนจากทิศทางราคาน้ำมัน ก็น่าจะหนุนให้ดัชนีขึ้นทะลุ 1,650 จุดได้ แต่หากไม่เป็นไปตามคาด คือ ดัชนีขึ้นมาที่ กรอบ 1,630-1,640 จุด แล้วย่อหรือไปไม่ไหว เชื่อว่าดัชนีรอบนี้ขึ้นได้เท่านี้ ปัจจัยกดดันภายในอื่นๆ ที่อาจเห็นในเดือน ก.ย. คือ การชุมนุมประท้วง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp