มิติหุ้น – วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล หรือ SCAP (เอสแคป) เผยว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันหลักที่อาจทำให้เกิดการชะลอตัวของธุรกิจในทุกด้าน แต่จากการติดตามตัวเลขสินเชื่อของบริษัทฯพบว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ทำให้เอสแคปประกาศขยับเป้าสินเชื่อรายย่อยจากเดิม 4,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นถึง 200 % จากปี 2563 บริษัทคาดการณ์ว่าในไตรมาส 4 ปี 64 เศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวสะท้อนถึงโอกาสในการขยายตัวของสินเชื่อที่มีเพิ่มขึ้นมากกว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
“จากความต้องการสินเชื่อในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด 19 ที่ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับสถานะเงินตึงตัวมากขึ้นของประชาชนโดยทั่วไป โดยสินเชื่อของบริษัทเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคหันมาใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไปจะเน้นให้สินเชื่อกับผู้ที่มีหลักฐานทางการเงินที่ชัดเจนและมีฐานะการเงินมั่นคง ส่วนนอนแบงก์เน้นปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กและมีความยืดหยุ่นในการพิจารณาสินเชื่อมากกว่าจึงทำให้เกิดความคล่องตัวในการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จึงเกิดการแข่งขันด้านดอกเบี้ย ผู้บริโภคจึงได้รับอานิสงส์ส่งผลให้สินเชื่อเกิดการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก โดยได้เข้าร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อให้บริการสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์แบบเฉพาะเจาะจง นอกจากนั้นบริษัทฯยังได้มีการขยายธุรกิจเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซด์ใหม่แบบเต็มรูปแบบครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดหลักๆทั่วประเทศไทยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯมีโอกาสได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อหรือมีความต้องการมีรถมอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริง” นายวิชิต กล่าว
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา บริษัทฯถือว่าประสบความสำเร็จมากในสถานการณ์ที่นอกเหนือการควบคุม เช่นการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 บริษัทฯยังคงเดินหน้าให้บริการเพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจลูกค้าทุกราย ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการขยับเป้าสินเชื่อรายย่อยเป็น 5,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2564 จะทำได้ไม่ยาก โดยไตรมาสที่ 4/2564 คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและผู้บริโภคก็มีความพร้อมที่จะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเป็นปกติมากขึ้น และจะหนุนให้ธุรกิจโดยรวมของเอสแคปเติบโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และคาดว่าเอสแคปจะเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในอีก 1- 2 ปีข้างหน้าตามแผนเดิมที่ได้วางไว้เพื่อขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในอนาคต