ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG โดย บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้น EPG ปรับตัวลง 8% ใน 4 วันเนื่องจากความกังวลประเด็นราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ราคาปิโตรฯสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามราคาปิโตรฯได้ปรับขึ้นแค่บางส่วน ในขณะที่ EPG จัดซื้อวัตถุดิบปิโตรฯเพียงพอจนถึงสิ้นปี
นอกจากนี้บริษัทได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์จากต้นทุนที่สูงขึ้น EPG ใช้เอทีลีนและโพรพีลีนเพื่อผลิตยางฉนวน และ HDPE, PP, และ ABS สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ และ PET, PP, และ PS สำหรับบรรจุภัณฑ์ ต้นทุนปิโตรฯคิดเป็น 25% ของต้นทุนการผลิตยางฉนวน, 35-40% ของชิ้นส่วนยานยนต์, และ 55% สำหรับบรรจุภัณฑ์, หรือ 40% ในภาพรวมของกลุ่ม โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะกระทบอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มเพียงเล็กน้อย
ไม่มีผลกระทบจากน้ำท่วม โมเมนตัมกำไรแข็งแกร่งในQ2
โรงงานผลิตทุกแห่งของ EPG ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงในระยองและบริษัทไม่มีปัญหาน้ำท่วมในมหาอุทกภัยในปี 2011 คาดว่ารายได้จากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์และบรรจุภัณฑ์ในก.ค. – ส.ค. และโมเมนตัมในก.ย.จะยังแข็งแกร่ง และทำให้เป็นอัพไซด์ของคาดการณ์กำไรของฝ่ายวิจัยที่ 410 ลบ. ในไตรมาส2/64 จาก 448 ลบ. ในไตรมาส 1/64 โดยกำไรที่อ่อนแอลง qoq เป็นผลจากการบริจาคและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจาก Covid-19 ทั้งนี้ EPG มีความมั่นใจในการคงอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่ดีได้ โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับ 32.5% ในไตรมาส 2 จาก 32.8% ในไตรมาส 1
แนะ ซื้อ เป้าหมาย 16 บ.
คาดโมเมนตัมกำไรจะยังแข็งแกร่งจากคำสั่งซื้อในอีกสองไตรมาสข้างหน้า ค่าเงินบาทอ่อนค่าและการเข้า SET100 จะเป็นปัจจัยหนุน EPG มีรายได้ส่งออก 70% ให้ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท มองการปรับฐานเป็นโอกาสการเข้าซื้อ
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp