ทิศทางการงทุนเดือน ต.ค.64 บรรดานักวิเคราะห์ต่างก็ประสานเสียงว่ายังต้องเผชิญกับความ “ผันผวน” ในโซน 1,565-1,640 จุดต่อเนื่องทั้งจากปัจจัยต่างประเทศอย่าง นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อเป้นระยะเวลานานกว่าคาดส่งผลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย FED ด้าน บทวิเคราะห์บล.ไอร่า ระบุว่า คาดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 65เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
น้ำมันทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี
ขณะราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี จากอุปสงค์นำ้มันฟื้นตัวขึ้นตามเศรษฐกิจโลก โดยภาวะอุปทานยังคงตึงตัวอยู่ คาดหนุนกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน (น้ำมัน และโรงกลั่น : PTTEP, TOP, BCP, SPRC
และ ESSO) จากคาดการณ์เดิมจะเกิด Stock Loss พลิกเป็น Stock gain เป็นกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มผลการ
ดำเนินงานที่กำลังฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ คาดเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และช่วยประคองตลาดได้บ้าง
ทั้งนี้แนะติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 4 ต.ค. ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นหรือไม่? หาก OPEC+ ยังคงแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามเดิม คาดราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่วิกฤตขาดแคลนพลังงานของจีน คาดจะยังหนุนทิศทางราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มถ่ายหิน อาทิBANPU
น้ำท่วมไม่รุนแรงเหมือนปี’ 54
ส่วนของสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ คาดผลกระทบจะไม่รุนแรงเหมือนปี’ 54 จึงมองว่าทุกหน่วยงานมีแผนรับมือไว้แล้ว อย่างไรก็ตามอาจยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบภาคกลางและอิสาน ทำให้คาดจะเป็นปัจจัยลบกดดันทิศทางตลาดอยู่บ้าง แต่มองเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างจากความต้องการในกลุ่มซ่อมสร้าง หลังสถานการณ์คลี่คลาย เช่น DRT, DCC และ TASCO
นอกจากนี้แนะสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานที่มีความน่าสนใจเฉพาะตัว และเป็นหุ้นแนะนำในเดือนต.ค.’64 ได้แก่ ADVANC, BANPU, DCC, FSMART และ XO
ADVANC…..ราคาเป้าหมาย 228.00 บาท
คาดหวังการเติบโตได้ในระยะกลาง จากการขยายธุรกิจใหม่ ด้าน FinTech โดยเรามองว่า ดีล AISCB เพื่อลงทุนในธุรกิจ Digital Lending เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ขณะที่การตื่นตัวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อเข้าสู่ การ Digitalization ล้วนต้องการ Big Data ซึ่งในแง่ของ ADVANC มีฐานข้อมูลผู้ใช้ราว 43 ล้านราย และเป็นชุดข้อมูลที่กลุ่มธุรกิจอื่นไม่มีเช่น พฤติกรรมของกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร เป็นต้น
- ความพยายามของผู้เล่นหลัก (ADVANC และ TRUE) ในการพัฒนาตลาด 5G ซึ่งมีผู้ใช้ราว 2 ล้านรายใน ขณะนี้ผ่านการผลักดันเครื่องโทรศัพท์5G ราคาต ่า (ราว 5 พันบาท) จะทำให้ตลาดนี้เร่งตัวขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะช่วยพยุง ARPU โดยรวม เนื่องจาก Package 5G มีARPU ส่วนเพิ่มจากฐานเดิมราว 10-15%
- ผลประกอบการกำลังผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q64 หลังจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์มาตั้งแต่ 1 ก.ย.
โดยเราคาดว่ากำไรปกติ3Q64 จะลดลง 2% QoQ และจะเริ่มเห็นภาพฟื้นตัวใน 4Q64 - ตลาดคาดหวังการทำ Infrastructure Fund ซึ่งเสาฯ ทั้งหมดของ ADVANC ไม่ติดข้อจำกัดในคดีความใดๆ จึงมองเรื่องนี้จะเป็นประเด็นบวกเพิ่มเติม ยังคงแนะนำ “ซื้อลงทุน” ราคาเป้าหมาย 228.00 บาท
BANPU…..ราคาเป้าหมาย (ปี’65) 15.20 บาท
ราคาถ่านหิน Newcastle ล่าสุด อยู่ที่ 210 USD/ton สูงสุดเป็นประวัติการณ์ผลจากการที่จีนแบนถ่านหินนำเข้าจากออสเตรเลียและนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับหลายๆ ประเทศยังคงใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอินเดียที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเดือน ก.ค. และ ส.ค.’64เพิ่มขึ้น 10% และ 18% ตามลำดับ ส่งผลให้ปริมาณความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้น ประกอบกับการผลิตจากเหมืองในอินโดนีเซียค่อนข้างจำกัด ซึ่งส่งผลดีต่อ BANPU โดยตรง และคาดผลการดำเนินงานช่วง 2H/64 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วง 1H/64 โดยได้รับแรงหนุนทั้งจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซ
- คาดธุรกิจก๊าซที่สหรัฐฯ ช่วง 2H/64 จะดีขึ้นต่อเนื่องจาก 2Q/64 ผลจากราคาก๊าซที่ฟื้นตัวชัดเจน ล่าสุดราคาก๊าซU.S. Henry Hub อยู่ที่ 5.5-5.6 USD/mmbtu เพิ่มขึ้นจาก 3.0 USD/mmbtu เมื่อ 2Q/64 จากความต้องการใช้ฟื้นตัวโดดเด่นที่สหรัฐฯ และคาดจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วง 4Q/64 จากการเข้าสู่ฤดูหนาว
- กลยุทธ์ของ BANPU มุ่งเน้นเข้าสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้น ภายใต้BANPU Next ในขณะที่ภาครัฐให้การสนับสนุนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า โดย BANPU Next ถือว่ามีความพร้อม จากโครงการต่างๆ เช่น (1) ระบบกักเก็บพลังงาน มีแผนจะขยายกำลังผลิตแบตเตอรี่ขึ้นเป็น 1.4 GWHe ในปี’68 (2) ยานยนต์และเรือไฟฟ้า เช่น รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า Muvmi ผ่านการถือหุ้น 30.7% ใน UMT, รถยนต์ไฟฟ้า FOMM (ถือหุ้น 21.5%), เรือ Ferry ไฟฟ้ามีแผนส่งมอบ 100 ลำ ภายในปี’68 (3) โครงการ Solar Rooftop & Floating มีแผนที่จะขยายจากปัจจุบันที่ 249 MW เป็น 500 MW ในปี’68 (4)โครงการ Smart City และ (5) โครงการ Energy Trading
- ประเมินราคาเป้าหมายปี’65 ที่ 15.20 บาท (SOTP ไม่รวม W5) แนะนำ “ซื้อ”
DCC…..ราคาเป้าหมาย (ปี’65) 4.10 บาท
แนวโน้ม 3Q/64 ชะลอตัว qoq ผลจากฤดูกาล (ปกติทุกปี) แต่คาดปีนี้ได้รับปัจจัยกดดันเพิ่ม จาก (1) สถานการณ์
Covid-19 ทำให้ความต้องการชะลอออกไป และ (2) ต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะราคา Gas (~32 – 34%ของต้นทุนผลิต) เพิ่มขึ้น คาดกดดัน Gross Profit Margin บ้าง แต่คาด DCC ยังรักษาอยู่ในระดับ 42-43% หลังทยอยออกProduct ใหม่ ทดแทนการนำเข้า และรองรับความต้องการลูกค้าระดับกลาง-บน รวมถึงประโยชน์จาก Economy of Scale หลังขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง 300,000 ตรม./เดือน เมื่อ 4Q/63 และ 600,000 ตรม./เดือน ในปี’64
- ขณะที่คาดผลการดำเนินงานกลับมาดีขึ้นใน 4Q/64 ทั้งจาก Pent Up Demand และความต้องการจากกลุ่มซ่อมสร้างหลังสถานการณ์น้ำท่วม ก่อนเข้าสู่ช่วง High Season ใน 1Q/65 และภายใต้ความต้องการที่กลับมาปกติคาด DCC ได้ประโยชน์สูงสุดจากกำลังการผลิต ต้นทุนต่อหน่วยลดลง คาดปี’65 ผลประกอบการมีโอกาสทำ New High ต่อเนื่องจากปี’64 คาดรายได้และกำไรสุทธิ9,162 ล้านบาท และ 1,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 6% ตามลำดับ
- ประเมินราคาเป้าหมาย (ปี’65) 4.10 บาท อิง PE 20X แนะนำ “ซื้อ” ภายใต้ความน่าสนในเชิงพื้นฐานจาก (1) มีความได้เปรียบต้นทุน สามารถแข่งขัน และรักษากำไรที่ดีไว้ได้ และ (2) ฐานะการเงินดี จ่ายปันผลเป็นประจำทุกไตรมาส Payout Ratio 100% คาด Div.Yield ปี’64-65 ประมาณ 7%
FSMART…..ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท
แนวโน้มกำไร 3Q64 ลดลงเล็กน้อย QoQ และ YoY ผลกระทบจาก Lockdown ทำให้คาดรายได้จากธุรกิจ Mobile Topup ลดลง แต่คาดรายได้จากธุรกิจโอนเงินและเติมเงิน Wallet ปรับเพิ่มขึ้น จากการปิดสาขาชั่วคราวของธนาคาร และเติมเงินเพื่อ Shopping online รวมถึงเล่นเกม Game online คาดช่วยประคองกำไรไม่ให้ลดลงมาก
- เพิ่มบริการใหม่ช่วง 4Q64 ผ่านตู้บุญเติม เช่น (1) ช่วงต้นเดือน ต.ค. เตรียมเปิดตัว Mini ATM ผ่านตู้บุญเติม ตั้งเป้า 200ตู้ภายในสิ้นปีนี้ และ 10,000 ตู้ในปี’66 ซึ่งจุดเด่นของตู้Mini ATM บุญเติม ได้แก่ การขยายตู้Mini ATM ทำได้ง่ายเนื่องจากแค่นำอุปกรณ์ต่อพวงไปติดที่ตู้บุญเติมเดิม ซึ่งปัจจุบันมีถึง 130,000 ตู้สามารถถอนเงินจำนวนน้อยๆ ได้และใช้แค่ App Mobile Banking ในการถอนเงิน (2) เพิ่มธุรกรรมรับฝากเงินธนาคารขนาดใหญ่ อีก 1 ธนาคาร ทำให้สิ้นปีFSMART เป็นตัวแทนรับฝากเงินให้8 ธนาคาร และ (3) เปิดตัว “บุญเติม Counter Service” จำนวน 1,800 สาขา ซึ่งเป็นการร่วมมือกับพันธมิตร
- เราคาดเห็นการ Scale Up ของทั้งธุรกิจตู้Mini ATM และตู้เต่าบิน ทำให้คาด FSMART ขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี’65จาก (1) ตู้Mini ATM มีความพร้อม ทั้งสถานที่ตั้ง ที่มีให้เลือกถึง 130,000 จุด และการติดตั้งตู้ที่ง่ายตามที่กล่าวไปแล้วและ (2) ตู้เต่าบิน จะเริ่มขยายตู้ด้วยรูปแบบ Agent ทำให้สามารถขยายตู้ได้รวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ ตจว. ซึ่งปัจจุบันติดตั้งตู้เต่าบินไปแล้ว 180 ตู้ตั้งเป้า 20,000 ตู้ในปี’67
- คงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน” ประเมินราคาเป้าหมาย 15.00 บาท อิงวิธีDCF (WACC 9.74% และ LTG 2%)
XO…..ราคาเป้าหมาย (ปี’65) 28.50 บาท
หลังทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสต่อเนื่องใน 1Q/64-2Q/64 มองผลการดำเนินงาน 2H/64 มีแนวโน้มชะลอตัว
ผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อการขนส่ง และโรงงาน Supply Chain เช่น Packing เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโรงงานของ XO ยังสามารถผลิตปกติ จากการบริหารจัดการได้ดี และฉีดวัคซีนให้แก่พนักงาน
ทั้งหมดแล้ว
- ขณะที่เรายังคงมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในระยะยาว ภายใต้ Home Cooking เป็นพฤติกรรม New
Normal คาดช่วยให้ความต้องการสินค้าเพิ่มต่อเนื่อง ประกอบกับการทำการตลาดเชิงรุกของ XO โดยสนับสนุนค่าListing Fee เพื่อขยายช่องทางจัดจำหน่ายที่เริ่มต้นทำในปี’64 นี้เป็นปีแรก พร้อมกับวัตถุดิบส่วนใหญ่ได้ล็อกราคาล่วงหน้าถึงสิ้นปี’65 แล้ว ทำให้คาดหากสถานการณ์ COVID คลี่คลายลง ยอดขายระดับ 450 ล้านบาท/ไตรมาสใน 2Q/64 มีโอกาสเป็น Base ยอดขายใหม่ และหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้แข็งแกร่งต่อเนื่องได้ - ด้านซอสกัญชงเริ่มต้นส่งออกแล้วในเดือนก.ย.’64 ตามกำหนด มองเป็น Upside อย่างไรก็ตามยังไม่รวมใน
ประมาณการ หลังเป็นสินค้าใหม่และยังอยู่ในช่วงทดลองตลาด - ประเมินราคาเป้าหมายปี’65 ที่ 28.50 บาท พร้อมคาด Div.Yield ปี’64-65 ราว 2.6-2.9%
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้