บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” ของหุ้นกลุ่มโรงแรม เพราะ 1) ความต้องการที่อั้นจากการเดินทางในประเทศและการเปิดเมืองท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือนพ.ย. นี้เป็นต้นไปจะส่งผลให้รายได้ของโรงแรมในไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 4Q21-1Q22.
2) แม้ผลประกอบการไตรมาสสามปีนี้จะยังอ่อนแอ แต่เราคาดว่าจะเริ่มเห็นผลบวกจากการลดต้นทุนและรายได้เริ่มฟื้นตัว ซึ่่งจะส่งผลให้ Margin หรืออัตราส่วนกำไรสูงขึ้นเหนือกว่าช่วงก่อนโควิดเมื่อรายได้กลับมาปกติ ในบรรดาหุ้นในกลุ่มโรงแรมทั้งหมด ยกเว้น AWC ที่ราคาหุ้นน่าสนใจลงทุนเพราะเทรดกันที่ระดับ P/E 26-23 เท่า ของปี 2023 ต่ำกว่า 36 เท่า ของ ค่าเฉลี่ย 5 ปีของธุรกิจท่องเที่ยว
ฝ่ายวิจัย MINT และ SHR ที่จะมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากผลประกอบการ 3Q21 ที่คาดว่าจะดีขึ้น โดย MINT (ซื้อ เป้า 42) : โดยได้ปรับประมาณการกำไรขึ้นจาก Margin ที่คาดว่าจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสามนี้เป็นต้นไป รายได้จากโรงแรมในยุโรปดีขึ้นมากกว่าที่คาด และคาดว่ากำไรไตรมาสสี่ปีนี้จะดีต่อเนื่อง
ส่วน SHR (ซื้อ เป้า 4.60) : คาดไตรมาสามนี้จะมีผลขาดทุนน้อยลง จากโรงแรมที่อังกฤษซึ่งมีโอกาสพลิกฟื้นกลับมามีกำไร และโรงแรมใน Maldives ก็มีผลการดำเนินงานดีขึ้นในไตรมาสสามนี้เช่นกัน ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022 และ 2023 เพื่อสะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
ERW (ซื้อ เป้า 4): คาด 3Q21 จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติมากขึ้น แต่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาสสี่นี้เป็นต้นไปหลังการเปิดเมืองท่องเที่ยว รวมถึงกรุงเทพฯ เพราะรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากโรงแรมในประเทศเป็นหลัก
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp