มิติหุ้น – ธนาคารยูโอบีคาดว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก[1] จะยังคงครองอำนาจและขับเคลื่อนตลาดการเงินของโลกต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า หลังจากผ่านปีที่ยากลำบากจากการแพร่ระบาดของโควิด–19 ที่ต้องมีการล็อคดาวน์ในปี 2020 สหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวและกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ จากปัจจัยที่มีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง การผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง เราคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตถึงร้อยละ 6 ในปี 2564[2] และมีอัตราการเติบโตในระดับปานกลางในปี 2565
ความเป็นผู้นำระดับโลกของบริษัทอเมริกัน
บริษัทในสหรัฐอเมริกายังคงโดดเด่นและมีอิทธิพลอย่างมากในหลากหลายอุตสาหกรรมของโลก อาทิ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ทั่วโลก[3] มีบริษัทที่เป็นสัญชาติอเมริกันสูงถึงร้อยละ 73 อุตสาหกรรมสุขภาพ (Healthcare) ยังคงมีความสำคัญกับตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าคิดเป็นร้อยละ 65 ของมูลค่าตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ตลาดผู้บริโภคในสหรัฐฯ ยังเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีมูลค่าถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[4] ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจมากมาย และช่วยให้บริษัทในสหรัฐฯ สร้างรายได้ถึงร้อยละ 41.3 ของรายได้ของบริษัททั่วโลก[5]
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการพัฒนา และมีสภาพคล่องมากที่สุด
ตลาดหุ้นของสหรัฐเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุด มีการพัฒนา และมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก[6] คิดมูลค่าเป็น ร้อยละ 41 ของหุ้นทั่วโลกและร้อยละ 40 ของตราสารหนี้ทั่วโลก ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ยังมีมูลค่าสูงถึงร้อยละ 46 ของตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากนี้ความพร้อมจากภาคธนาคาร บริษัทจัดการลงทุน และธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ที่พร้อมให้การสนับสนุนทางด้านเงินทุนแก่บริษัทสตาร์ทอัพ และธุรกิจที่กำลังเติบโต ทำให้ตลาดสหรัฐฯ เป็นที่สนใจของบริษัทต่างประเทศจำนวนมาก
ผู้นำด้านนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง
จากดัชนีนวัตกรรมโลกปี 2020 สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในสามประเทศที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก สิ่งนี้ทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรมการผลิตไปจนถึงการดูแลสุขภาพและการเงิน สหรัฐฯ ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการวิจัยระดับโลกที่เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และพลังงาน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นเศรษฐกิจที่มีรายได้สูง จากการผลิตนวัตกรรมที่มีคุณภาพ
แม้จะมีการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา นักลงทุนควรระมัดระวังความเสี่ยงของการลงทุนในสหรัฐฯ ดังต่อไปนี้:
- ความล่าช้าในการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 อาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2564 ประกอบกับเชื้อโควิด–19 สายพันธุ์เดลต้าที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 83[7] ของไวรัสที่แพร่กระจายในสหรัฐอเมริกา ทำให้การหยุดชะงักในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
- สหรัฐอเมริกาอาจใช้นโยบายกีดกันทางการค้า เช่น Buy American Act ภายใต้ข้อบังคับใหม่จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ซื้อโดยรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงวัสดุก่อสร้าง จะต้องผลิตในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าวัสดุนั้นจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม แคมเปญ Buy American จึงเป็นการจำกัดการแข่งขัน เพิ่มต้นทุนของผลิตภัณฑ์และบริการ และอาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของสหรัฐฯ
ดังนั้นนักลงทุนควรลงทุนโดยมุ่งเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรมที่โดดเด่น โดยใช้ความเชี่ยวชาญของผู้จัดการการลงทุนมืออาชีพเพื่อระบุบริษัทที่มีคุณค่าภายในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ สิ่งสำคัญในการลงทุนคือต้องสร้างสมดุลของพอร์ตการลงทุน และกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน และลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้