มิติหุ้น-บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า SCCC ประกาศผลประกอบการ 3Q64 มีกำไรสุทธิที่ลดลงเหลือ 676 ล้านบาท (-54%QoQ, -25%YoY) ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในระดับภูมิภาค มีการล็อกดาวน์ ปิดแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง รวมถึงสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ทำให้ยอดขายปรับลดลงเหลือ 8,848 ล้านบาท (-12%QoQ, -15%YoY) นอกจากนี้ยังถูกกดดันจาก ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนเชื้อเพลิง และ ค่าขนส่ง แต่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาปูนซีเมนต์ในบางตลาด ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น 30.2% จาก 28.6% ในไตรมาสก่อน แต่ต่ำกว่าปีก่อน 32.8% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ในระดับสูงไม่ปรับลดลงตามยอดขาย 2,090 ล้านบาท (+6%QoQ, +2%YoY) ไตรมาส 3Q64 แม้จะได้แรงบวกจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 432 ล้านบาท (+92%QoQ, +273%YoY) หลักๆจากส่วนแบ่งกำไรจาก LANNA พุ่งสูงขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ
SCCC ประเมินการฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ประกอบกับความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทานจะยังคงดำเนินต่อไป ทำให้ SCCC จะต้องสำรองปริมาณถ่านหิน และ วัตถุดิบคงคลังเพิ่มจากภาวะปกติทั่วไป และ เพื่อรับมือกับความเสี่ยง SCCC ได้ลงนามสัญญาวงเงินสินเชื่อระยะยาวแบบที่ธนาคารไม่สามารถยกเลิกได้เพิ่มขึ้นอีก 3 พันล้านบาท เราคาดจะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน กำไร 9 เดือนแรก คิดเป็น 83% ของประมาณการทั้งปี เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม คาดปี 2564 จะมีกำไรสุทธิ 3,871 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 5%
คำแนะนำการลงทุน
SCCC มีกระแสเงินสดต่อปีในรูป EBITDA สูงเกือบ 9 พันล้านบาท มีอัตราเงินปันผลตอบแทนดี 5.4% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ที่ต่ำ 13 เท่า EV/EBITDA 8.1 เท่า และ P/BV 1.5 เท่า เราประเมินราคาเป้าหมายบนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E – 0.5SD = 15.5x ได้เท่ากับ 200 บาท เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ในช่วงอ่อนตัว จากกำไร 3Q64 ที่ลดลงจะกดดันราคาหุ้น
ความเสี่ยง
ต้นทุนพลังงาน / ธุรกิจปูนซีเมนต์ Over Supply / ความต้องการต่ำ / การแพร่ระบาดของ Covid-19 กระทบภาพรวม
@mitihoonwealth