จับตาราคาน้ำมันดิบโลกแพงต่อเนื่อง มีสิทธิ์แตะ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลุ้นหนักประชุมโอเปกพลัสในวันพรุ่งนี้

249

มิติหุ้น-นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ยังคงมีแนวโน้มตึงตัวอยู่ในระดับสูง จากปัจจัยหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังสถานการณ์โควิด , กำลังการผลิตน้ำมันดิบ , การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว , หรือการเปิดประเทศให้มีการเดินทางท่องเที่ยว

ทั้งนี้ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จนถึงไตรมาส 1ปี 2565 จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล และมีสิทธิจะมีการขยับขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้กรณีปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นมีแนวโน้มที่ขยับไปในทางที่ดีขึ้น

“ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ราวๆ 67-69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่สำหรับปีหน้า บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ราคานำ้มันในตลาดโลก อาจจะพุ่งมาอยู่ที่ 75-85 เหรียญสหรัฐ /บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากการตึงตัวทางด้านการผลิตที่มีน้อยกว่าความต้องการใช้ ดังนั้นจึงชัดเจนว่า ราคาน้ำมันในปีหน้าจะยืนอยู่ในระดับสูงอย่างแน่นอน” นายดิษทัต กล่าว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับมากที่สุด คือ การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปกพลัส) 23 ประเทศ จะมีทิศทางในเรื่องกำลังการผลิตอย่างไร โดยปัจจุบันกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก นั้นผลิตรวมกันที่ 27.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 30% ของการผลิตของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้มีการระบุว่าทางกลุ่มมีแนวโน้มคงมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ธ.ค. เพียง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ตามข้อตกลงเดิม แต่ทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)  ประเมินว่า ความต้องการที่แท้จริงนั้น จะต้องมีการผลิตเพิ่มอีกกว่า 1.6 ล้านบาร์เรล/ต่อวัน ฉะนั้นต้องจับตาดูว่า ผลการประชุมในวันที่ 4 พ.ย.นี้จะออกมาอย่างไร แน่นอนว่าหากไม่มีการปรับตัวเลขการผลิตที่เพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp