ONEAM เสิร์ฟ “บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น” ชูจุดแข็ง Wealth Management เจาะกลุ่มลูกค้าบุคคล

95

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ (ONEAM) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวบริษัทในเครือ คือ บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด (“บล.ไพน์”)โดยบลจ.วรรณ ถือหุ้น 99% เพื่อดำเนินธุรกิจ Wealth Management แบบครบวงจร ซึ่งจะเน้นกลุ่มลูกค้าบุคคลเป็นหลัก เป้าหมายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแบบรายบุคคล แต่สามารถให้บริการลูกค้านิติบุคคลได้ด้วย โดยการจัดตั้งบริษัทในเครือดังกล่าว นับเป็นหนึ่งก้าวสำคัญก้าวแรกของ บลจ.วรรณ เพื่อสร้างการเติบโตก้าวกระโดด ตามแผนธุรกิจ 3 ปี ที่วางเป้าหมายไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับในเบื้องต้นได้วางเป้าหมาย AUA (Asset Under Advisory) ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และในระยะ 3 ปี การเติบโตจะเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท โดย บลจ.วรรณ ตั้งเป้ารับรู้รายได้จาก บล.ไพน์ ในช่วง 3 ปี ข้างหน้า ประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้วางโพสิชันนิ่งของ บล.ไพน์ ชัดเจน โดยจะเน้นการเข้าถึงความต้องการลูกค้ารายบุคคล และฐานลูกค้าส่วนบุคคลของ บลจ.วรรณ จะถูกโอนย้ายไปยัง บล.ไพน์ เพื่อไม่ให้การดำเนินธุรกิจทับซ้อนกัน

ทั้งนี้ บลจ.วรรณ เชื่อมั่นว่า บล.ไพน์ จะเข้ามาช่วยเสริมคุณภาพการบริการ ควบคู่ไปกับการบริหารผลตอบแทน เพราะสามารถลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และเป็นการลงทุนแบบ Open Architecture เปิดรับผลิตภัณฑ์ของทุก ธนาคาร บล. บลจ. หรือประกันในอนาคต ซึ่งจะทำให้การแนะนำการลงทุนดีขึ้นและทำได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยใช้จุดแข็งที่แตกต่าง คือเน้นการลงทุนในหุ้นเป็นหลักแต่จะเน้นการลงทุนในเชิง Wealth Management มากกว่าโดยมีผลิตภัณฑ์ทั้ง ตราสารหนี้ กองทุนรวม และหุ้นกู้อนุพันธ์ รวมถึงสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆในอนาคต ที่จะผ่านการคัดกรองจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และจัดเป็นพอร์ตการลงทุนให้ลูกค้าตามความเหมาะสม

ต่อยอดโตเล็งบุกสินทรัพย์ดิจิตัล

ในส่วนของการดำเนินธุรกิจของ บลจ.วรรณ ในระยะถัดไป บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาความเป็นผู้นำเรื่องนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น กองทุนทางเลือก (Alternative Investment Funds) และการลงทุน Foreign Investment Funds รวมถึงกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดการการลงทุนต่างประเทศ และล่าสุดยังได้เสนอขายกองทุน REIT Buy Back กองแรกของประเทศไปในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และบริษัทยังมีรายได้จากการเป็นนายทะเบียนและทรัสตีมาเสริมอีกด้วย

อย่างไรก็ดี บริษัทยังหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อขยายการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เตรียมตึความพร้อม เพื่อเดินหน้าไปสู่ผลิตภัณฑ์การลงทุนประเภทสินทรัพย์ดิจิตัล (Digital Assets) ซึ่งอาจต้องมีการขยายธุรกิจเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต และมีโอกาสที่จะพัฒนาไปถึงการซื้อขายกองทุนด้วยเหรียญดิจิทัลด้วย

สำหรับภาพรวมสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในปี 2564 นี้ จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 แสนล้านบาท หรือโต 20% จากต้นปี 64 ที่มี AUM อยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา AUM ของบริษัทเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ส่วนรายได้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เติบโตได้แล้ว 20% จากปีก่อน มาที่ 8 พันล้านบาท และคาดว่าในปี 3 ปีข้างหน้า AUM จะเติบโตแตะ 2.5-3 แสนล้านบาท

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp