NER โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรปี65 ขึ้นอีก 12% หลังพบสัญญาณอัตรากำไรขั้นต้นจะยืนสูงได้อีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส สะท้อนมาจากทิศทางราคายางพาราที่เริ่มกลับมาเดินหน้า +9.6% แล้วจาก Q3/64 ขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาอีก 11% ในขณะที่บริษัทเข้าโหมด economies of scale ไปแล้วอีกด้วย และเมื่อรวมกับแผนธุรกิจปลายน้ำล่าสุดที่ชัดเจน “แผ่นรองนอนปศุสัตว์ แบรนด์ CATTLE FLEX” จึงปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปีหน้าขึ้น 18% เป็น 10.70 บาท
สำหรับแผนธุรกิจปลายน้ำ “แผ่นรองนอนปศุสัตว์ แบรนด์ CATTLE FLEX” จะมี3 รุ่นเพื่อใช้เจาะตลาดต่างกัน, คุณสมบัติเทียบเคียงได้กับคู่แข่งด้วยราคาขายที่ถูกกว่า, เทอมการค้าที่ไม่เป็นภาระต่อเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจหลัก และมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศซึ่งเป็นผู้มีฐานลูกค้าเกษตร/สหกรณ์/บริษัทจดทะเบียน ผู้เลี้ยงวัวกว่า 8 ล้านตัว นอกจากนี้ยังวางเป้าส่งออกไป 28 ประเทศผ่าน 11 ตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีหน้า 504 ลบ. เริ่มขายตั้งแต่ ม.ค. 2565 ซึ่งเป้าหมายนี้สูงกว่าประมาณการปี 2565-66 เดิมของฝายวิจัยเฉลี่ย 37%
ปรับประมาณการกำไรปีหน้าขึ้น 12%
ฝ่ายวิจัยได้ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 60bps เป็น 13.2% จากทิศทางข้างต้น และใช้ต้นทุนบริหารต่อตันที่ 1,604 บาท/ ตัน ซึ่งเป็นระดับ economies of scale ใน Q3/64 เป็นจุดอ้างอิง
ขณะที่กำลังการผลิตใหม่ 5 หมื่นตัน และสมมติฐานปริมาณขายปี 2565 คงไว้ตามเดิม 5 แสนตัน ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2565 ถูกปรับขึ้น 12% เป็น 2.3 พัน ลบ. ขยายตัวแกร่ง +30% YoY
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp
