วงการรับเหมาก่อสร้างไทยสุดอดสู แค่ 7 ปีรัฐบาลไทย ปล่อยให้รถไฟความเร็วสูงลาว-จีนปาดหน้าแซงไม่เห็นฝุ่น สะท้อนความล้มเหลวนโยบายยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันสุดกู่ ชี้แค่ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ม่วงใต้ ก็ยังลากกันเป็นปี หวั่นไทยต้องรอรับขบวนรถไฟฟ้าลาวจีนในอนาคตตเอาอีก
หลังจาก สปป.ลาว เปิดหวูดรถไฟความเร็วสูงลาว-จีนอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลลาว-จีน ที่จะเชื่อมการเดินทางระหว่างเมืองคุนหมิงของจีนกับกรุงเวียงจันทน์ของลาว ระยะทางรวม 414 กม. ใช้เงินลงทุนกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2 แสนล้านบาท สามารถร่นเวลาการเดินทางจากกรุงเวียงจันทร์ไปยังเมืองคุนหมิงในเวลาเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น
แหล่งช่าวในวงการรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยว่า ความสำเร็จของการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทยในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพราะไม่สามารถจะผลักดันการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนให้สำเร็จลุล่วงได้ เพราะจนถึงขณะนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในเฟสแรก เส้นทางกรุงเทพ-โคราช ระยะทาง 250 กม. กลับมีความคืบหน้าไปเพียง 2.7% และไม่รู้จะต้องใช้เวลาอีกกี่สิบปีกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการ
“มีการพูดกันเล่นๆ ในกลุ่มผู้รับเหมาและที่ปรึกษาว่า หลังจากที่การรถไฟฯ ได้รับมอบขบวนรถไฟบริจาค จากเจอาร์ฮอกไกโดของญี่ปุ่นแล้ว ในอนาคตเราอาจจะได้รับบริจาคขบวนรถไฟลาว-จีนได้อีก หากการพัฒนาระบบขนส่งทางราง และรถไฟฟ้าไทยย่ำอยู่กับที่แบบนี้ และแทบไม่ต้องไปคาดหวังกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนที่จะเชื่อมต่อไปยังเวียงจันทน์กันเลยว่า จะต้องใช้เวลาอีกกี่สิบปี เอาแค่การประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่เปิดประมูลมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ผ่านมาจะครบ 2 ปีเข้าไปแล้ววันนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า หลังจากที่ รฟม. สั่งยกเลิกการประมูลโครงการเดิมไปตั้งแต่ต้นปี 64”
ส่วนโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) วงเงินกว่า 78,000 ล้านบาท ที่แม้ รฟม. จะปลดล็อคเดินหน้าจัดประมูลต่อไปได้ โดยยอมกลับมาใช้เกณฑ์ประมูลด้านราคา (Price Only) หลังจากมีความพยายามจะใช้เกณฑ์คัดเลือกด้านราคา+บวกเทคนิค (Price Performance) ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แต่เครือข่ายองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ที่เป็นผู้ร่วมสังเกตุการณ์ไม่เล่นด้วย ทำให้ต้องกลับมาดำเนินการประมูลตามปกตินั้น
ล่าสุด มีรายงานสะพัดในวงการรับเหมาว่า แม้ รฟม. จะจัดประมูลโดยใช้เกณฑ์ปกติ แต่ก็ยังมีรายการหมกเม็ด กำหนดคุณสมบัติกลุ่มรับเหมาที่จะเข้าประมูล จะต้องมีผลงานก่อสร้างอุโมงค์กับภาครัฐตามที่กำหนด ซึ่งเมื่อพิจารณาตามเกณฑ์คุณสมบัติดังกล่าว ทำให้มีกลุ่มทุนรับเหมาในประเทศเพียง 3-4 รายในเมืองไทยเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวแพร่สะพัดว่า โครงการสายสีม่วงใต้ที่แยกเนื้องานประมูลออกเป็น 5 สัญญา (4+1) คงจะมีมหกรรมแบ่งเค้กเนื้องานกันไป โดยคาดว่ากลุ่มทุนรับเหมายักษ์ที่ประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทยฯ กลุ่ม ช.การช่าง กลุ่มยูนิค และ STEC จะแบ่งกันไปคนละสัญญา
ส่วนกรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม อาจจะกลับไปใช้เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกโดยอาศัยเกณฑ์ราคา Price Only ตามติคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น แหล่งข่าวในวงการรับเหมา กล่าวว่าเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกดำเนินการมาในช่วง 2 ปีทีผ่านมา เป็นการดำเนินการที่ขัดมติ ครม.หรือไม่ และเท่ากับโยนกลองหรือลอยแพ ฝ่ายบริหาร รฟม. และกรรมการคัดเลือก และหากจะให้ของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ทั้ง รมว.คมนาคม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรจะได้ลงมาเร่งรัดการดำเนินโครงการนี้ให้สะเด็ดน้ำเสียที
“สิ่งที่ รฟม. และกรรมการคัดเลือกดำเนินการไปก่อนหน้าคืออะไร เป็นการตีความไปเกินขอบเขตมติ ครม. กระนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าในการดำเนินโครงการไปเป็นปี จนทำให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ประชาชนผู้ใช้บริการสูญเสียโอกาสในการใช้บริการ และอาจทำให้ รฟม.เอง ต้องมีภาระรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นในการดูแลระบบรถไฟฟ้า ในส่วนที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จก่อน คือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) สิ่งเหล่านี้จะไม่ต้องมีผู้รับผิดชอบใดๆ เลยหรืออย่างไร”
ที่มา :เนตรทิพย์: เจาะลึก ถึงกึ๋น ถึงแก่น แบบไม่เกรงใจ (natethip.com)
โดยเนตรทิพย์กระพริบข่างวร้อน
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp