STARK มาตามนัด! ติด SET100 รอบใหม่ เริ่มต้นปี 65

429

มิติหุ้น  –  นายประกรณ์  เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK  เปิดเผยว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศให้หุ้น STARK เข้าไปคำนวณอยู่ในกลุ่มดัชนี SET100 รอบครึ่งปีแรกของปี 2565 (1 มกราคม-30 มิถุนายน 2565) แสดงให้เห็นว่าหุ้นของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อย สถาบันทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายที่สม่ำเสมอ และสามารถใช้เป็นตัวอ้างอิงในการลงทุนได้ ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมั่งคงและชัดเจนไปกับปริมาณการใช้ทรัพยากรไฟฟ้าทั่วโลกที่มีอัตราเพิ่มขึ้นตามหลักการพัฒนาเมือง และการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ

ทั้งนี้เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นใน SET100 จะคัดจากหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 3 เดือนสูงสุด 200 อันดับแรก และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 รวมถึงยังต้องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญทั้งตลาดในเดือนเดียวกันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9ใน12เดือน โดยหากผ่านคุณสมบัติ จึงได้รับการจัดลำดับตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ย โดยหลักทรัพย์ในลำดับที่ 1-50 จะเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET50 และหลักทรัพย์ในลำดับที่ 1-100 จะเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET100

“การที่หุ้น STARK ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มดัชนี SET100 ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน และคาดว่าจะทำให้ STARK เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนในระดับสากลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังชี้ให้เห็นว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าถึงข้อมูลบริษัทฯ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะช่วยสนับสนุนโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคตอีกด้วย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้มากกว่าเป้าหมายวางไว้ที่ 20% และจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมีแนวโน้มการรับรู้ยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากผลประกอบการของธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนรายได้และกำไร ประกอบกับงานจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและกำหนดการที่วางไว้ จากกลยุทธ์การมุ่งเน้นสินค้าสำเร็จรูปของกลุ่ม High Margin เป็นหลัก

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 โดยเริ่มด้วยกลยุทธ์การขยายตลาดส่งออกเพิ่มเติมอยู่ที่ 50 ประเทศ จากเดิมที่ส่งออกอยู่ 42 ประเทศ เนื่องจากมี partner ที่เป็นระดับ global company ที่ได้รับงานในประเทศต่างๆ นั้น จึงส่งผลทำให้สามารถส่งสินค้าไปหลากหลายประเทศได้เพิ่มขึ้นด้วย พร้อมทั้งยังคงมุ่งเน้นที่สินค้า High-Margin และมีแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่จำนวนมาก ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่าด้วยเหตุดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป