สำหรับช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี ก่อนที่จะก้าวข้ามไปสู่ปีใหม่ มักจะเป็นช่วงที่นักลงทุนบางส่วนเฟ้นหาข้อมูลเพื่อใช้พิจารณาปรับพอร์ตลงทุน เพื่อถือข้ามปีไปรอรับผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้ากันอย่างหนัก โบรกเกอร์หลายแห่งต่างนำเสนอข้อมูลกันอย่างคึกคัก เพื่อให้ได้ใช้เป็นไอเดียในการลงทุน
โดยในส่วนของ บล.เอเชีย เวลท์ ได้นำเสนอพอร์ตลงทุนในธีม Event plays “ซื้อวันนี้ ขายอีกทีต้นปีหน้า” ซึ่งใช้เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นจาก (1) ราคาหุ้นยัง laggard (ราคาปรับลงมาเยอะ / ยังไม่กลับไปก่อน Covid อย่างใดอย่างหนึ่ง) (2) ผลประกอบการ 3Q64 หรือ 4Q64 จะเป็น Bottom และจะฟื้นตัวใน 4Q64 หรือ 1Q65
สำหรับในรายงานฉบับนี้ ขอหยิบยกมานำเสนอกันที่ 5 หุ้นแกร่ง ประกอบด้วย
OSP แนวต้าน 34.50/36.00 แนวรับ 33.00/32.00 Stop loss 31.50 บาท
CPALL แนวต้าน 60.50/63.00 แนวรับ 59.00/58.00 Stop loss 57.50 บาท
LH แนวต้าน 8.90/9.30 แนวรับ 8.60/8.40 Stop loss 8.30 บาท
WHA แนวต้าน 3.70/3.86 แนวรับ 3.54/3.42 Stop loss 3.36 บาท
AMATA แนวต้าน 21.00/22.00 แนวรับ 20.20/19.70 Stop loss 19.20 บาท
มุมมองเชิงพื้นฐาน
OSP โดย บล.กรุงศรี ชี้แนวโน้มยอดขายเครื่องดื่มใน Q4/64 ดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากเปิดเมือง มองว่ากำไรสุทธิได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในปีหน้าพร้อมเริ่มแผนธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นการลดต้นทุนเพื่อช่วยลดผลกระทบของราคาวัตถุดิบ พวก Commodities ที่สูงขึ้น และออกสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย ตามเทรนด์รักสุขภาพ รวมทั้งเครื่องดื่มผสมกัญชง โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ภายใน 1H22 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 38 บาท
CPALL โดย บล.เคทีบีเอสที แนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 72.00 บาท เดิม 67.00 บาท จากการปรับกำไรปี 2565 ขึ้น +8% ที่ 1.85 หมื่นลบ. (เพิ่มขึ้น+76% จากช่วงเดียวกันปีก่อน) โดยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อ outlook จาก 1) กำไร Q4/64 ฟื้นตัวจาก SSSG ปรับตัวดีขึ้น (คาดบวกได้เล็กน้อยที่ +1-3% โดย SSSG พลิกกลับมาเป็นบวกได้ในเดือน พ.ย. หลังรัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิว), ค่าใช้จ่ายในการขนส่งลดลงจากการปรับเปลี่ยน route และคลังสินค้า และมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น All Now Management และการปรับโครงสร้างบริษัท
LH โดย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จะได้รับประโยชน์สูงสุดจาก LTV 100% เนื่องจากเชี่ยวชาญในโครงการอสังหาฯ แนวราบระดับกลางถึงสูง ประมาณการกำไรสุทธิปี 65-66 เติบโต 20%/12.5% YoY จาก 1) การเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น 2) อุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้นจากบรรยากาศที่ดีขึ้นหลังจากการผ่อนคลายมาตรการปล่อยสินเชื่อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ 3) ธุรกิจโรงแรม/บริการผ่านบริษัทร่วมดีขึ้น แม้ว่ากำไรจะลดลงในปี 64 แต่ DPS ก็มีแนวโน้มที่จะคงระดับไว้ที่ 0.5 บาทหรือคิดเป็นเงินปันผล 5.8% สำหรับปี 65-66 คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ในช่วง 7.0-7.5% ต่อปี จึงได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 9.32 บาทเป็น 10.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”
WHA โดย บล.เอเชีย เวลท์ คาดกำไรไตรมาส 4/64 จะเด่นสุดของปี จากการขายสินทรัพย์ และการโอนที่ดินที่ฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ คาดว่ายอด Presales ทั้งปี 64 จะอยู่ที่ 1,000 ไร่ สูงกว่าเป้าเดิม 20% ขณะปี 65 คาดโตต่อเนื่องจาก Pent Up Demand ของลูกค้าที่ต้องการย้ายฐานการผลิต ประกอบกับได้แรงหนุนจากรายได้จากส่วน Recurring ที่คาดว่าจะฟื้นตัวตามการกลับมาดำเนินการผลิตของโรงงานที่อยู่ในนิคมฯ รวมทั้งพื้นที่เช่าที่เพิ่มสูงขึ้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 4.20 บาท
AMATA โดย บล.กรุงศรี คาดยอดขายที่ดินปีนี้ จะได้ตามคาดการณ์ 817 ไร่ สนับสนุนจากจำนวนลูกค้าที่อยู่ระหว่างเจรจาจำนวนมาก ส่วนการโอนอาจเลื่อนออกไปจากคาดการณ์ และAMATA มีแผนที่จะขายโรงงานสำเร็จรูปทั้ง 33 ยูนิตในเวียดนาม จึงได้ปรับคาดการณ์กำไรลง 33% ในปี 64 และ 45% ปี 65 แต่ปรับคาดการณ์กำไรปี 66 ขึ้น 23% และได้ปรับราคาเป้าหมายเป็นปลายปี 65 โดยปรับขึ้น 4% เป็น 24.50 บาท ราคาหุ้นอยู่ที่1.3x PBV ของปี 65 และให้ผลตอบแทนรวม 22% (TTR) คงคำแนะนำ “ซื้อ”
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp